“ความรัก…ไม่ได้ยืดอายุของชีวิต แต่ทำให้ทุกลมหายใจมีความหมาย”
“ความรัก…ไม่ได้ยืดอายุของชีวิต
แต่ทำให้ทุกลมหายใจมีความหมาย”
เรื่องของคุณยุ้ยและคุณแม่ คือภาพของความงดงามที่ไม่เคยจาง แม้โรคจะพรากพลังไปทีละน้อย แต่ความรักกลับเติมแสงให้ทุกวัน—จากการหวีผม แต้มลิปสีโปรด จนถึงวินาทีสุดท้ายที่ได้กุมมือกัน
.
พอรู้ว่าเวลาของแม่เหลือไม่มาก พวกเขาไม่ได้เลือกยอมแพ้ แต่เลือก “ดูแลแบบประคับประคอง” เพื่อให้ทุกวันยังเป็นวันที่แม่ได้ใช้ชีวิตอย่างงดงามที่สุด…ที่บ้านของตัวเอง ท่ามกลางรักที่แม่รับรู้ได้จนวินาทีสุดท้าย
นี่ไม่ใช่เรื่องของความตาย
.
แต่มันคือเรื่องของ “การรักให้ดีที่สุด…ก่อนที่เวลาจะพาเราแยกจากกัน”
.
——————————————————-
.
คุณยุ้ยและคุณแม่: ความงามที่ไม่เคยจางหาย
ในทุกๆ วันที่ผ่านไป แม้ร่างกายของคุณแม่จะอ่อนแอลง แต่คุณแม่ก็ยังมีความสุขเมื่อลูกสาวหวีผมให้ เวลาทาลิปสติกสีชมพูอ่อน คุณยุ้ย ลูกสาวและผู้ดูแลคุณแม่ อมยิ้มเล่าเรื่องราวเวลาที่ได้ใช้ร่วมกัน เมื่อไหร่ที่นึกถึง ก็ยังคงงดงามเสมอ นี่คือเรื่องราวของความรัก ที่ไม่ยอมให้ความงดงามจางหายไปพร้อมกัยลมหายใจที่เบาบางลง
“แค่หวัดธรรมดา” คุณแม่บอก แต่พอไปตรวจ มะเร็งมันลามแล้ว
ช่วงใกล้ปีใหม่ เวลาที่ทุกครอบครัวมักจะเฉลิมฉลอง และให้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุขเพื่อระลึกถึงช่วงปีที่ผ่านไป คุณยุ้ยและคุณแม่ กลับต้องนั่งฟังคำวินิจฉัย ที่บอกว่าคุณแม่จะมีเวลาอยู่อีก ไม่ถึง 7 เดือน พวกเขาเลือกที่จะสู้ เลือกที่จะรับคีโม พร้อมทั้งแบกความหวังอันหนักอึ้ง ว่ามันจะต้องดีขึ้น
.
แต่ความหวังนั้น ก็ต้องแลกมากับความผิดหวัง เมื่อผลข้างเคียงของคีโม รุนแรงเกินกว่าที่ร่างกายคุณแม่จะรับไหว ปากเจ็บเป็นแผล อาหารที่เคยทานได้อย่างมีความสุข กลับกลายเป็นความเจ็บปวดในทุกขณะที่กลืน
“การรักษาด้วยคีโม คงไม่หายหรอกลูก แต่ทรมาน” ประโยคนี้จากคุณแม่ เปลี่ยนการตัดสินใจจากครอบครัว เมื่อครั้งแรกที่คุณยุ้ยได้ยินคำว่า Palliative Care หรือการดูแลแบบประคับประคอง คุณยุ้ยกลับมีความรู้สึกแปลกๆ ในใจ “ตอนแรกคิดว่ามันคือการทิ้ง ยอมต่อโรค มันน่ากลัว เพราะเหมือนถ้าเลือกเดินทางนี้ เราจะต้องจัดการกับอะไรหลายๆ อย่างเอง เหมือนต้องอยู่ตัวคนเดียว”
“เยือนเย็น จึงเป็นเหมือนแสงว่างในความมืดให้กับครอบครัว” เป็นมือที่ยื่นมาช่วยประคอง เวลาที่กำลังจะล้มลง จากวันที่คิดว่าคงจะอยู่ต่อได้อีกไปถึงปี คุณแม่กลับได้ใช้ชีวิตอย่างงดงามถึงกว่า 2 ปี ที่บ้านของตนเอง ท่ามกลางความรักของลูกๆ
.
คุณยุ้ย ได้เป็นทุกอย่างในชีวิตของคุณแม่ตั้งแต่คนทำอาหาร คนจัดยา คนเปลี่ยนแผ่นบรรเทาปวดทุกๆ 72 ชั่วโมง “คุณหมอจะบอกหมด จะให้ทานอาหารแบบปกติไม่ได้แล้วเพราะว่าจะเสี่ยงมากค่ะ ต้องมีวิธีการให้น้อยๆ” คุณยุ้ยเล่า “สิ่งที่ทำอยู่ไม่ได้ลำบากเกินกว่าที่ลูกคนหนึ่งจะทำให้คุณแม่ได้แน่ๆ ถ้าทุกคนอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเรา ก็ย่อมต้องทำได้”
คุณแม่ เป็นคนรักสวยรักงาม ชอบแต่งตัว แม้ในวันที่ร่างกายอ่อนแรงลง แต่คุณยุ้ยก็ยังแต่งตัวให้คุณแม่อย่างสวยงามทุกวัน ทาลิปสติกสีชมพูกลีบบัวอ่อนๆ แบบที่แม่ชอบ ทำให้คุณแม่ดูมีชีวิตชีวา ในวันที่คุณแม่อยากไปวัด คุณยุ้ยก็ก็แต่งตัวให้ท่านอย่างสวยงาม เพื่อไปทำบุญด้วยกัน
.
ในช่วงเดือนสุดท้าย คุณแม่หลับนานขึ้นเรื่อยๆ คุณยุ้ยเข้าใจผ่านคลิปที่ส่งมาจากทางเยือนเย็น ว่าสมองนั้นคงกำลังดับทีละดวง เหมือนไฟที่ค่อยๆ มอดลง
เมื่อวันที่คุณแม่ต้องออกเดินทางไกลมาถึง คุณแม่ตื่นขึ้นมา คุณยุ้ย ได้จัดน้ำให้ทาน ค่อยๆ หยอดลงไป แต่คุณแม่นั้นไม่ต้องการ กลับเงยหน้าขึ้นมามองลูกสาวอันเป็นที่รัก ก่อนจะเริ่มหายใจหอบถี่ขึ้น
“เราพูดถึงบุญให้ท่าน บุญที่เคยทำมา ลูบตัวและเรียกชื่อแม่ เพื่อให้แม่สุขสงบ พบทางสว่างปราศจากความมืดมน” คุณยุ้ยนั่งอยู่ข้างคุณแม่แบบนั้น และพร่ำบอกคุณแม่อยู่ตลอดเวลา จนคุณแม่หลับไป เป็นหลับที่สงบ งดงาม ออกเดินทางไกลไปพร้อมกับบุญที่ท่านนึกถึงตลอด
.
“เป็นความรู้สึกว่าท่านไม่ทรมาณอีกแล้ว”
และในวันที่คุณแม่จากไป คุณยุ้ย ก็ได้มีโอกาสแต่งตัวให้ท่านอย่างงดงามที่สุด เหมือนอย่างที่คุณแม่ชอบเสมอมา
“ตอนที่รู้ว่าคุณแม่ต้องจากไป แต่ไม่ทราบวันไหน ก็คิดถึงวันนั้นจริงๆ ว่าเราจะทำยังไง เราคงจะทำใจยากไหม แต่พอถึงวันนั้นจริงๆ เรารวบรวมทุกอย่างได้ เพราะเราทราบอยู่เสมอ พอถึงเวลา สติมาเร็ว เมื่อเราทราบอะไรมาก่อน เราจะตัดสินใจได้ดีกว่าที่เราไม่เคยรู้อะไรมาก่อนเลย ทุกอย่างจะเป็นไปเองโดยธรรมชาติ
.
การดูแลแบบประคับประคอง จึงไม่ใช่การยอมแพ้
มันคือการเลือกที่จะรัก อย่างสมบูรณ์และงดงามที่สุดในแบบหนึ่ง ในเวลาที่เหลืออยู่
มันคือการทำทุกวันให้มีความหมาย แม้รู้ว่าวันพรุ่งนี้มันอาจจะเริ่มเลือนลางไป
.
สำหรับคุณยุ้ย ความรักที่สมบูรณ์ครั้งนี้ ถ่ายทอดผ่านการได้ใช้เวลาที่ที่มีคุณค่าอยู่กับคุณแม่ ได้ใช้มือหวีผม ให้กับคุณแม่ในทุกๆ เช้า ได้แต่งหน้าแต้มยิ้มให้คุณแม่อย่างงดงามในทุกๆ วัน ได้เลือกชุดสวยให้คุณแม่อิ่มเอม แม้ทั้งคู่จะแค่เดินทางไปหน้าบ้าน ทั้งหมดนี้ คือการเรียนรู้ว่าความกล้าหาญที่แท้จริงนั้น ไม่ใช่การลุกขึ้นสู้กับความตายที่ใกล้เข้ามา แต่เป็นการเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ กับคนที่เรารัก ในที่ที่เรารัก ในทุกลมหายใจที่เหลือ และเมื่อถึงเวลาที่เราจะต้องปล่อยมือ เราจะรู้และเข้าใจ ว่าเราได้รักกันอย่างดีที่สุดแล้ว
ขอขอบคุณครอบครัวคุณยุ้ยที่อนุญาตให้นำเรื่องราวและรูปภาพลงเพจนี้ เพื่อเป็นวิทยาทานต่อไป
.
เขียนและเรียบเรียงโดย:
ธัญจิรา วิมลอนุพงษ์
แต่ทำให้ทุกลมหายใจมีความหมาย”
เรื่องของคุณยุ้ยและคุณแม่ คือภาพของความงดงามที่ไม่เคยจาง แม้โรคจะพรากพลังไปทีละน้อย แต่ความรักกลับเติมแสงให้ทุกวัน—จากการหวีผม แต้มลิปสีโปรด จนถึงวินาทีสุดท้ายที่ได้กุมมือกัน
.
พอรู้ว่าเวลาของแม่เหลือไม่มาก พวกเขาไม่ได้เลือกยอมแพ้ แต่เลือก “ดูแลแบบประคับประคอง” เพื่อให้ทุกวันยังเป็นวันที่แม่ได้ใช้ชีวิตอย่างงดงามที่สุด…ที่บ้านของตัวเอง ท่ามกลางรักที่แม่รับรู้ได้จนวินาทีสุดท้าย
นี่ไม่ใช่เรื่องของความตาย
.
แต่มันคือเรื่องของ “การรักให้ดีที่สุด…ก่อนที่เวลาจะพาเราแยกจากกัน”
.
——————————————————-
.
คุณยุ้ยและคุณแม่: ความงามที่ไม่เคยจางหาย
ในทุกๆ วันที่ผ่านไป แม้ร่างกายของคุณแม่จะอ่อนแอลง แต่คุณแม่ก็ยังมีความสุขเมื่อลูกสาวหวีผมให้ เวลาทาลิปสติกสีชมพูอ่อน คุณยุ้ย ลูกสาวและผู้ดูแลคุณแม่ อมยิ้มเล่าเรื่องราวเวลาที่ได้ใช้ร่วมกัน เมื่อไหร่ที่นึกถึง ก็ยังคงงดงามเสมอ นี่คือเรื่องราวของความรัก ที่ไม่ยอมให้ความงดงามจางหายไปพร้อมกัยลมหายใจที่เบาบางลง
“แค่หวัดธรรมดา” คุณแม่บอก แต่พอไปตรวจ มะเร็งมันลามแล้ว
ช่วงใกล้ปีใหม่ เวลาที่ทุกครอบครัวมักจะเฉลิมฉลอง และให้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุขเพื่อระลึกถึงช่วงปีที่ผ่านไป คุณยุ้ยและคุณแม่ กลับต้องนั่งฟังคำวินิจฉัย ที่บอกว่าคุณแม่จะมีเวลาอยู่อีก ไม่ถึง 7 เดือน พวกเขาเลือกที่จะสู้ เลือกที่จะรับคีโม พร้อมทั้งแบกความหวังอันหนักอึ้ง ว่ามันจะต้องดีขึ้น
.
แต่ความหวังนั้น ก็ต้องแลกมากับความผิดหวัง เมื่อผลข้างเคียงของคีโม รุนแรงเกินกว่าที่ร่างกายคุณแม่จะรับไหว ปากเจ็บเป็นแผล อาหารที่เคยทานได้อย่างมีความสุข กลับกลายเป็นความเจ็บปวดในทุกขณะที่กลืน
“การรักษาด้วยคีโม คงไม่หายหรอกลูก แต่ทรมาน” ประโยคนี้จากคุณแม่ เปลี่ยนการตัดสินใจจากครอบครัว เมื่อครั้งแรกที่คุณยุ้ยได้ยินคำว่า Palliative Care หรือการดูแลแบบประคับประคอง คุณยุ้ยกลับมีความรู้สึกแปลกๆ ในใจ “ตอนแรกคิดว่ามันคือการทิ้ง ยอมต่อโรค มันน่ากลัว เพราะเหมือนถ้าเลือกเดินทางนี้ เราจะต้องจัดการกับอะไรหลายๆ อย่างเอง เหมือนต้องอยู่ตัวคนเดียว”
“เยือนเย็น จึงเป็นเหมือนแสงว่างในความมืดให้กับครอบครัว” เป็นมือที่ยื่นมาช่วยประคอง เวลาที่กำลังจะล้มลง จากวันที่คิดว่าคงจะอยู่ต่อได้อีกไปถึงปี คุณแม่กลับได้ใช้ชีวิตอย่างงดงามถึงกว่า 2 ปี ที่บ้านของตนเอง ท่ามกลางความรักของลูกๆ
.
คุณยุ้ย ได้เป็นทุกอย่างในชีวิตของคุณแม่ตั้งแต่คนทำอาหาร คนจัดยา คนเปลี่ยนแผ่นบรรเทาปวดทุกๆ 72 ชั่วโมง “คุณหมอจะบอกหมด จะให้ทานอาหารแบบปกติไม่ได้แล้วเพราะว่าจะเสี่ยงมากค่ะ ต้องมีวิธีการให้น้อยๆ” คุณยุ้ยเล่า “สิ่งที่ทำอยู่ไม่ได้ลำบากเกินกว่าที่ลูกคนหนึ่งจะทำให้คุณแม่ได้แน่ๆ ถ้าทุกคนอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเรา ก็ย่อมต้องทำได้”
คุณแม่ เป็นคนรักสวยรักงาม ชอบแต่งตัว แม้ในวันที่ร่างกายอ่อนแรงลง แต่คุณยุ้ยก็ยังแต่งตัวให้คุณแม่อย่างสวยงามทุกวัน ทาลิปสติกสีชมพูกลีบบัวอ่อนๆ แบบที่แม่ชอบ ทำให้คุณแม่ดูมีชีวิตชีวา ในวันที่คุณแม่อยากไปวัด คุณยุ้ยก็ก็แต่งตัวให้ท่านอย่างสวยงาม เพื่อไปทำบุญด้วยกัน
.
ในช่วงเดือนสุดท้าย คุณแม่หลับนานขึ้นเรื่อยๆ คุณยุ้ยเข้าใจผ่านคลิปที่ส่งมาจากทางเยือนเย็น ว่าสมองนั้นคงกำลังดับทีละดวง เหมือนไฟที่ค่อยๆ มอดลง
เมื่อวันที่คุณแม่ต้องออกเดินทางไกลมาถึง คุณแม่ตื่นขึ้นมา คุณยุ้ย ได้จัดน้ำให้ทาน ค่อยๆ หยอดลงไป แต่คุณแม่นั้นไม่ต้องการ กลับเงยหน้าขึ้นมามองลูกสาวอันเป็นที่รัก ก่อนจะเริ่มหายใจหอบถี่ขึ้น
“เราพูดถึงบุญให้ท่าน บุญที่เคยทำมา ลูบตัวและเรียกชื่อแม่ เพื่อให้แม่สุขสงบ พบทางสว่างปราศจากความมืดมน” คุณยุ้ยนั่งอยู่ข้างคุณแม่แบบนั้น และพร่ำบอกคุณแม่อยู่ตลอดเวลา จนคุณแม่หลับไป เป็นหลับที่สงบ งดงาม ออกเดินทางไกลไปพร้อมกับบุญที่ท่านนึกถึงตลอด
.
“เป็นความรู้สึกว่าท่านไม่ทรมาณอีกแล้ว”
และในวันที่คุณแม่จากไป คุณยุ้ย ก็ได้มีโอกาสแต่งตัวให้ท่านอย่างงดงามที่สุด เหมือนอย่างที่คุณแม่ชอบเสมอมา
“ตอนที่รู้ว่าคุณแม่ต้องจากไป แต่ไม่ทราบวันไหน ก็คิดถึงวันนั้นจริงๆ ว่าเราจะทำยังไง เราคงจะทำใจยากไหม แต่พอถึงวันนั้นจริงๆ เรารวบรวมทุกอย่างได้ เพราะเราทราบอยู่เสมอ พอถึงเวลา สติมาเร็ว เมื่อเราทราบอะไรมาก่อน เราจะตัดสินใจได้ดีกว่าที่เราไม่เคยรู้อะไรมาก่อนเลย ทุกอย่างจะเป็นไปเองโดยธรรมชาติ
.
การดูแลแบบประคับประคอง จึงไม่ใช่การยอมแพ้
มันคือการเลือกที่จะรัก อย่างสมบูรณ์และงดงามที่สุดในแบบหนึ่ง ในเวลาที่เหลืออยู่
มันคือการทำทุกวันให้มีความหมาย แม้รู้ว่าวันพรุ่งนี้มันอาจจะเริ่มเลือนลางไป
.
สำหรับคุณยุ้ย ความรักที่สมบูรณ์ครั้งนี้ ถ่ายทอดผ่านการได้ใช้เวลาที่ที่มีคุณค่าอยู่กับคุณแม่ ได้ใช้มือหวีผม ให้กับคุณแม่ในทุกๆ เช้า ได้แต่งหน้าแต้มยิ้มให้คุณแม่อย่างงดงามในทุกๆ วัน ได้เลือกชุดสวยให้คุณแม่อิ่มเอม แม้ทั้งคู่จะแค่เดินทางไปหน้าบ้าน ทั้งหมดนี้ คือการเรียนรู้ว่าความกล้าหาญที่แท้จริงนั้น ไม่ใช่การลุกขึ้นสู้กับความตายที่ใกล้เข้ามา แต่เป็นการเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ กับคนที่เรารัก ในที่ที่เรารัก ในทุกลมหายใจที่เหลือ และเมื่อถึงเวลาที่เราจะต้องปล่อยมือ เราจะรู้และเข้าใจ ว่าเราได้รักกันอย่างดีที่สุดแล้ว
ขอขอบคุณครอบครัวคุณยุ้ยที่อนุญาตให้นำเรื่องราวและรูปภาพลงเพจนี้ เพื่อเป็นวิทยาทานต่อไป
.
เขียนและเรียบเรียงโดย:
ธัญจิรา วิมลอนุพงษ์
