เรื่องเล่าเยือนเย็น ชวนหมอไปสมุย
เรื่องเล่าจากเยือนเย็น
“ชวนหมอไปสมุย“
คุณแม่อายุ 98 ปี มีลูก 6 คน แข็งแรงดีมาตลอด จนช่วงต้นเดือนตุลาคม 2566 เริ่มมีอาการหลงลืมเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่ยังคงจำภาพอดีตได้ดี แม่บ่นเหนื่อยแทบทุกวัน วันที่ 6 ตุลาคม 2566 จึงตัดสินใจพาแม่ไปโรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้าน พบว่าเจอน้ำท่วมช่องปอด หมอเลยให้เจาะออก นอน ICU 1 คืน และมานอนพักฟื้นอีก 1 คืน แม่บ่นเจ็บแผลที่โดนเจาะมาก หมอแจ้งว่าตรวจน้ำในปอดแล้ว สงสัยว่าจะมีเซลล์มะเร็ง จึงแนะนำให้ไปปรึกษาหมอด้านมะเร็งวิทยา
ลูกได้พาแม่ไปตรวจที่ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ทำ CT Scan พบว่ามีก้อนเล็กๆหลายก้อน ในปอด แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นมะเร็งหรือไม่ จนกว่าจะเจาะเอาชิ้นเนื้อไปตรวจ พวกเราพี่น้องตัดสินใจบอกคุณหมอว่าไม่ทำ เพราะมองว่าแม้จะตรวจแล้วว่าเป็นจริงๆ เราก็คงไม่ให้แม่รักษาด้วยการฉายแสง หรือให้เคมีบำบัด เนื่องด้วยแม่อายุ 98 ปีแล้ว คุณหมอจึงตรวจตามอาการโดยนัด 2 เดือน/ครั้ง
ก่อนแม่ป่วย ได้มีเพื่อนคนหนึ่งส่งเรื่องราวการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองของ “เยือนเย็น วิสาหกิจเพื่อสังคม” เข้ามาในห้องไลน์ ก็เริ่มรู้สึกสนใจ และติดตามฟังเรื่องราวของเยือนเย็นมาตลอด จึงได้ตามไปฟังคุณหมออิศรางค์ บรรยายที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เมื่อคุณหมอบรรยายเสร็จก็ตัดสินใจเข้าไปคุยกับคุณหมอ เล่าอาการของแม่ให้ฟัง และบอกว่าสนใจการดูแลแม่แบบประคับประคอง เพราะแม่อายุ 98 ปีแล้ว
วันที่ 23 ตุลาคม 2566 คุณหมอและทีมงานมาเยี่ยมแม่ที่บ้าน ตรวจอาการ และพูดคุยกับแม่ และพวกเราพี่น้อง 3 คน จนเข้าใจระดับหนึ่งว่า การดูแลแบบประคับประคองเป็นการดูแลผู้ป่วยแบบคนปกติโดยไม่ให้ทรมาน คุณหมอได้สั่งยาเพื่อให้แม่กินเวลารู้สึกเหนื่อย หายใจเร็ว แม่เล่าด้วยความภูมิใจว่า แม่มีบ้านที่เกาะสมุยทำเป็น Guest house มีฝรั่งต่างชาติมาเยอะแยะ แม่มาอยู่กับลูกที่กรุงเทพฯ เกือบ 5 ปีแล้ว อยากอยู่ไปเรื่อยๆ แม่เอ่ยพูดภาษาท้องถิ่นชวนคุณหมอและทีมงานไปเที่ยวเกาะสมุยกัน คุณแม่คุยสนุกสนานเฮฮาอย่างมีความสุข แม่ชอบไปวัดชลประทาน ทุกวันอาทิตย์จะฟังหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุเทศน์ และสวดมนต์เป็นประจำ
พวกเราดูแลแม่เป็นอย่างดี มีเครื่องผลิตออกซิเจน และยาคุณหมอเป็นหลักในการดูแล ทุกเช้าแม่จะกินไข่ลวก 2 ฟอง และเอนชัวร์ 1 แก้วทุกวันไม่ได้ขาด ส่วนมื้อกลางวันและมื้อเย็นน้องสาวจะดูแลเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้เบื่อ จนกระทั่งวันนึงแม่ไอแล้วมีเลือดออกมา น้องสาวตกใจมากคุยกันว่าจะพาแม่ไปโรงพยาบาล ขณะเดียวกันเราก็ไลน์ไปปรึกษาคุณหมอ คุณหมอบอกว่าไม่จำเป็นต้องพาไปเพราะเดี๋ยวเลือดก็จะหยุดเอง และโรงพยาบาลก็จะดูแลไม่ต่างจากพวกเราที่บ้าน ในที่สุดอีก 2 วันแม่ก็หยุดไอ และกลับเป็นปกติจริงๆ พวกเราก็ดูแลแม่ต่อไปตามปกติ
วันหนึ่ง แม่มีอาการคุยไม่รู้เรื่อง พูดคนเดียวและเพ้อบางครั้ง คุณหมอแจ้งว่ามะเร็งอาจจะกระจายไปสมองก็ได้ จึงแนะนำให้ไปทำ CT Scan สมอง พบมีสมองฝ่อตามวัย แต่ก็ไม่พบก้อนในสมอง แล้วแม่ก็กลับมาปกติอีกเช่นเดิม
เยือนเย็นเป็นเหมือนคนกลุ่มหนึ่งที่คอยอยู่ข้างๆ มีทีมงานให้คำแนะนำปรึกษา และช่วยเหลือทุกครั้งในยามที่แม่มีอาการไม่ปกติ โดยเฉพาะคุณหมออิศรางค์ ซึ่งกรุณาให้เราสามารถโทรศัพท์หาได้ทันทีที่มีปัญหา ทำให้พวกเรารู้สึกอุ่นใจเป็นอย่างมากเหมือนมีหมอดูแลแม่อยู่ที่บ้านตลอดเวลา
ผ่านไปหนึ่งปี ปลายเดือนตุลาคม 2567 แม่เริ่มบ่นเหนื่อยมากขึ้น เราให้ยาแก้เหนื่อยถี่ขึ้น แม่ก็เริ่มนอนมากขึ้น จึงปรึกษาคุณหมออิศรางค์ว่าจะพาแม่ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจว่าแม่มีน้ำในปอดอีกหรือไม่ แต่คุณหมอแนะนำวิธีการดูแล และกรุณาแวะมาเยี่ยมแม่พร้อมทั้งพูดคุยให้กำลังใจพวกเราที่บ้านเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม คุณหมอประเมินแล้วว่า วาระสุดท้ายของคุณแม่ใกล้มาถึงแล้ว อีกสองวันต่อมา แม่ค่อยๆหายใจเบาลงและจากพวกเราไปอย่างสงบ ในตอนเที่ยงวันที่ 27 ตุลาคม 2567
การจัดงานให้แม่แบบเรียบง่ายผ่านไปแล้ว ความรู้สึกว่าแม่ไม่อยู่แล้วจริงๆค่อยๆมา แต่ระหว่างที่พวกเราดูแลแม่ที่บ้าน 1 ปีเต็ม พวกเราตลอดจนลูกหลานคนอื่นได้มีโอกาสใกล้ชิด เอาใจใส่ และสามารถพูดคุยกับแม่ได้ทุกเวลา เราซาบซึ้งในการให้คำแนะนำในการดูแลแม่ของคุณหมอและทีมงานเป็นอย่างมาก ขอบพระคุณคุณหมออิศรางค์และทีมงานเยือนเย็นเป็นอย่างสูงที่ทำให้เราผ่านช่วงเวลานี้ได้อย่างดียิ่ง
ครอบครัวคุณแม่ได้บันทึกเรื่องราวนี้ ถ่ายทอดประสบการณ์ที่ได้ดูแลแม่ ด้วยความรัก เคารพ ระลึกถึงแม่เสมอมา
ทางเยือนเย็น ขอขอบคุณครอบครัวคุณแม่ ที่ให้เกียรติคุณหมอและทีมงาน ได้ดูแลคุณแม่ด้วยความประทับใจและอบอุ่น
#เยือนเย็น
#เยือนเย็นวิสาหกิจเพื่อสังคม
#palliativecare
#ดูแลประคับประคอง
#อยู่สบายตายสงบ
#ตายดีที่บ้าน