อยู่กับโรคร้าย ให้ธรรมชาติบำบัด และการภาวนา

อยู่กับโรคร้าย ให้ธรรมชาติบำบัด และการภาวนา

อยู่กับโรคร้าย ให้ธรรมชาติบำบัด และการภาวนา
เรื่องเล่าจากเยือนเย็น
“อยู่กับโรคร้าย ให้ธรรมชาติบำบัด และการภาวนา”
คุณเอ๋ แข็งแรงดีมาตลอด เริ่มมีอาการลมพิษตั้งแต่อายุ 50 ปี พยายามหาสาเหตุจนค้นพบว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดหายาก ชื่อ peripheral T-cell lymphoma (PTCL) ในประเทศไทยมีผู้ป่วยมะเร็ง PTCL รายใหม่เพียง 40+ รายต่อปีเท่านั้น คุณเอ๋สมรสกับคุณหน่อย แต่ไม่มีลูกด้วยกัน บทความนี้ เขียนขึ้นจากการสัมภาษณ์คุณหน่อย เพื่อเป็นวิทยาทาน
 
👸 คุณเอ๋ปกติร่างกายแข็งแรงดี เอ๋ชอบการวิ่งออกกำลังกาย ระยะ10 กิโลเมตร แทบทุกสัปดาห์ เอ๋เป็นคนที่ระมัดระวังในเรื่องการกินอาการ เพราะรู้ว่าตัวเองเป็นคนที่แพ้ผงชูรสและสารปรุงแต่งรสชาติอาหารต่างๆ ปกติชอบทำอาหารกินเองและชอบทำอาหารใส่บาตร ทำบุญอยู่ตลอด รวมถึงแบ่งให้เพื่อนบ้าน และคนที่รู้จักอยู่เสมอๆ อาการของโรคเริ่มต้นจากอาการคันที่แขน ที่ ปรึกษาหมอผิวหนังหลายท่าน หลายโรงพยาบาล ก็หาสาเหตุไม่พบและอาการไม่บรรเทาลงได้เลย เป็นเวลา 1 ปี จนไปตรวจกับคุณหมอที่ รพ.คามิลเลียน เมื่อคุณหมอได้ตรวจโรค และระหว่างรอผลทางพยาธิวิทยาคุณหมอบอกว่า ถ้าพี่โชคดี ก็ได้ SLE แต่ถ้าโชคร้ายก็จะได้มะเร็ง และเมื่อผลออกมาก็คือเอ๋เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด peripheral T-cell lymphoma ระยะที่ 3 ถึง 4 ซึ่งเป็นชนิดที่รักษายาก มักไม่หายขาด และงานวิจัยยังมีจำกัด
 
👸 พี่หน่อยดูแลเอ๋อย่างไร
ตั้งแต่เริ่มทราบผลว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ก็ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านโรคเลือด และวางแผนการรักษา หมอได้เริ่มให้เคมีบำบัด เพื่อความสะดวกในการดูแล เนื่องจากช่วงแรกของการรักษา คุณหน่อยยังทำงานประจำ จึงได้ติดต่อศูนย์พักฟื้นและดูแลผู้ป่วยเอกชนให้คนช่วยดูแลตลอด 24 ชม. ระหว่างการให้คีโม แต่หลังจากคีโมครั้งที่ 2 คุณหน่อยได้ลาออกจากงานเพื่อมาดูแลเอ๋ร่วมกับทางศูนย์ หลังจากให้ยาเคมีบำบัดรอบแรกครบ 6 ครั้ง ในเดือนตุลาคม 2564 เอ๋จึงย้ายมาพักอยู่ที่บ้าน ต่อมาโรคได้กลับมาใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เราจึงตัดสินใจว่าจะไม่ให้เคมีบำบัดอีก และเปลี่ยนไปใช้วิธีธรรมชาติบำบัด ปรับอาหาร แช่สมุนไพร และอื่นๆที่ไม่ใช้ยาวิทยาศาสตร์ โดยมีที่ปรึกษาทางธรรมชาติบำบัดและเป็นผู้สอนการภาวนา คือพระอาจารย์ ทินวัฒน์ จันทปัญโญ การดูแลเอ๋จะมีแม่บ้านสองคน ช่วยแบ่งเบาภาระงานบ้าน ช่วยทำอาหารตามที่เอ๋ต้องการ และเป็นผู้ช่วยในการนวดบำบัดลดความปวด อาการคัน คุณหน่อยจะอยู่ด้วยตลอดเวลา หลักการคือดูแลให้เอ๋มีความสบายใจ และสนับสนุนแนวทางการรักษาแบบใดก็ตามที่เอ๋เลือก พาเอ๋ไปทำบุญไหว้พระที่นับถือตามต่างจังหวัดที่เอ๋ต้องการ ผมพาเอ๋ไปพักผ่อน ทานอาหาร ชายทะเล ไปเจอเพื่อนๆ เหมือนช่วงเวลาที่ยังไม่ป่วย อาการโรคของเอ๋จะแสดงอาการที่ผิว ตั้งแต่เริ่มด้วยอาการคัน ผิวจะอ่อนไหวกับสารเคมีที่ใช้ซักผ้า หรือแม้แต่น้ำประปาที่มีคลอรีนที่ใช้ตามปกติก็ไม่สามารถโดนผิวได้ จะมีอาการคัน แสบร้อน ถึงปวด น้ำที่ใช้ซักผ้าและอาบจะต้องเป็นน้ำกรองใส่ถังทิ้งไว้สองถึงสามวันก่อนจะเอามาใช้ได้ ต้องเช็ดตัวด้วยน้ำใบย่านางกลั่นชุบด้วยสำลีออแกนิคที่ไม่มีสารฟอกหรือสารอื่นๆ เวลาจะนอนต้องใช้ถุงผ้าอุปกรณ์ประคบเย็นใส่น้ำแช่ช่องแช่แข็งให้แข็งแล้วนำมาประคบตามแขนขาและรองใต้ตัว เพื่อให้ความเย็นช่วยลดอาการคัน
เราได้ใช้วิธีธรรมชาติบำบัดและการภาวนาควบคู่กันไปจนถึงกลางปี 2566 อาการเริ่มกลับหนักขึ้น ไข้ขึ้นสูงมาก ผิวหนังมีตุ่มคันมากขึ้นจากที่มีมาตลอด มากบ้างน้อยบ้างตามสภาพร่างกาย จึงตัดสินใจกลับมารับเคมีบำบัดเป็นรอบที่ 2 ด้วยสูตร ICE แต่ละครั้งต้องนอนรพ. 3 คืน จำนวน 6 ครั้ง เคมีบำบัดได้ผลดีมาก อาการคันสงบลง สามารถเดินทางไปทำบุญต่างจังหวัดได้แทบจะทุกภาค หลังคีโมครั้งที่ 4 อาการเริ่มกลับมาใหม่เพราะมะเร็งดื้อยา ให้คีโมครั้งที่ 5 ไม่ได้ผลเลย จึงหยุดเคมีบำบัด หลังจากนั้นร่างกายเอ๋ค่อย ๆ อ่อนแรงลง ในเดือนพฤศจิกายน 2566 เอ๋เดินทางไปทำบุญ และเจอเพื่อนที่วัดจองคำ จ.ลำปาง ปลายเดือนธันวาคม เอ๋ไปร่วมประชุมเพื่อสร้างเจดีย์ และทำอาหารถวายพระ ที่วัดป่ารัตนวันและวัดใกล้เคียง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
 
👸 คุณภาพชีวิต และจิตวิญญาณของคุณเอ๋
เอ๋ชอบทำอาหาร ชอบทำบุญทั้งกับวัด พระ และมูลนิธิต่างๆ ชอบออกกำลังกาย ช่วงโควิดได้เริ่มหัดเล่นอูคูเลเล่ จนสามารถเล่นและบันทึกเป็นคลิปวิดิโอที่ห้องอัดเสียงส่งให้เพื่อนๆดูเล่นได้ เอ๋ชอบอาหารที่เป็นเส้น พวกก๋วยเตี๋ยว ราดหน้า ผัดซีอิ๊ว ขนมจีน และชอบลองชิมอาหารพื้นเมืองต่างถิ่น เอ๋รักแม่มากและได้ดูแลแม่ด้วยตัวเองจนวาระสุดท้ายของแม่ รักนับถือครูบาอาจารย์ที่ได้เมตตาเอ๋ อบรมสั่งสอนแนะนำมาโดยตลอด เอ๋เริ่มศึกษาเรื่องธรรมมะจากแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ตอนอายุ 29 และเริ่มศึกษาธรรมะของหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี จากที่ได้ยินคำเทศนาของท่านที่เปิดให้ผู้ปฏิบัติธรรมฟังที่เสถียรธรรมสถาน ของแม่ชีศันสนีย์
 
จากนั้นได้เดินทางตามแนวของหลวงพ่อชา และลูกศิษย์ของท่าน ทั้งพระชาวไทยและพระชาวต่างชาติ ในช่วง 10 หลัง เราได้มีโอกาสทำงานถวายพระหลายองค์ ที่เอ๋นับถือมาก คือหลวงปู่โอภาส โอภาโส วัดจองคำ อ.งาว จ.ลำปาง เอ๋ได้มีโอกาสร่วมงานก่อสร้างพระอุโบสถของวัดป่ารัตนวัน ของพระอาจารย์ญาณ ธัมโม ชาวออสเตรเลีย ลูกศิษย์ของหลวงพ่อชา ช่วงที่ป่วย เอ๋ได้รับความเมตตาจากพระอาจารย์ ทินวัฒน์ จันทปัญโญ เป็นผู้แนะนำสั่งสอนทั้งเรื่องการรักษาสุขภาพ และการภาวนา เอ๋นับถือท่านมาก
 
👸 เมื่อโรคมาถึงจุดที่รักษาไม่ได้แล้ว เอ๋คิดอย่างไรบ้าง
เอ๋ไม่เคยคิดว่า มันถึงจุดที่รักษาไม่ได้แล้ว แต่เอ๋คิดว่าทำให้เต็มที่ โดยที่ไม่ทุกข์กับมันมากนักไม่ว่าจะหายหรือไม่หาย เอ๋ศึกษาโรค คุยกับหมอที่เป็นเพื่อน รู้ว่าโอกาสที่จะรักษาให้หายขาดมีน้อย แต่ก็ทำไปตามเหตุ และเตรียมตัวเตรียมใจสำหรับวาระสุดท้ายไปพร้อมๆ กัน
 
👸 ทำไมพี่จึงเคารพการตัดสินใจของเอ๋
การตัดสินใจหรือความเห็นของเอ๋ตลอดมา ไม่มีเรื่องไหนที่ไม่เป็นไปเพื่อความเจริญ ความดีของชีวิตของเราทั้งคู่ดังนั้นในเมื่อเป็นเรื่องของชีวิตเอ๋โดยตรงทั้งก่อนและหลังความตาย จึงเป็นเรื่องที่ควรเคารพ ดำเนินการตามความตั้งใจของเอ๋
 
👸 ช่วงสุดท้ายของคุณเอ๋
คุณเอ๋ได้รู้จักชื่อเยือนเย็น จากเครือข่ายของแพทย์ palliative care ที่เอ๋สนใจ และได้เกี่ยวข้องตอนที่เอ๋ดูแลแม่ที่ป่วยจนกระทั่งคุณแม่เสียชีวิตเมื่อ 4 ปีที่แล้ว คุณเอ๋ได้เลือกการดูแลธรรมชาติบำบัด จึงได้ติดต่อเยือนเย็นไปเยี่ยมบ้านในเดือนมิถุนายน 2565 เยือนเย็นได้ให้กำลังใจกับการเดินทางที่ไม่แน่นอนนี้
หลังจากที่ดื้อยาเคมีบำบัดรอบสอง คุณเอ๋มิได้ไปโรงพยาบาลอีก มีผื่นและคันมาก ตับม้ามต่อมน้ำเหลืองโตขึ้นมาก มีอาการเหนื่อย แขนขาบวมมากขึ้น เยือนเย็นได้ช่วยให้ยาบำบัดอาการเหนื่อย ด้วยแผ่นแปะเฟนตานิล บำบัดอาการคันด้วยยาหลายชนิด ยาต้านภูมิ คุณหน่อยดูแลคุณเอ๋ที่บ้านจนเสียชีวิตอย่างสงบในเดือนเมษายน 2567 เอ๋สั่งเรื่องการเตรียมการในวาระสุดท้าย ให้เตรียมจัดการสิ่งแวดล้อม ไม่ต้องมีอะไรรบกวน การรอวาระสุดท้าย เช่นไม่ให้ใครมาเยี่ยมมาพูดเรื่องทางโลก มาแสดงความห่วง มาให้กำลังใจ หรือเรื่องอะไรก็ตามที่รบกวนการเตรียมตัวจากไปอย่างสงบ และสั่งให้จัดการงานศพโดยไม่มีพิธีอะไร ไม่ต้องแจ้งใคร ตายเช้าเผาเย็นเลย วันรุ่งขึ้นหลังจากเอ๋จากไป ท่านพระอาจารย์ ทินวัฒน์ จันทปัญโญ ได้เมตตามาที่บ้าน เพื่อส่งเอ๋เป็นครั้งสุดท้ายก่อนเคลื่อนร่างไปทำพิธีฌาปณกิจที่วัดใกล้บ้าน
 
🙏🙏🙏 คุณหน่อย (สามี) ได้อนุญาตแบ่งปันเรื่องราวเพื่อเป็นประโยชน์กับผู้ป่วยหรือญาติของผู้ป่วยทุกท่าน ขออานิสงฆ์แห่งเรื่องราวของเอ๋ที่จะเป็นประโยชน์แก่ใครก็ตาม จงเป็นกุศลส่งถึงเอ๋ ศมิษฐา อมรปาน ด้วยเทอญ.
 
เพื่อนขออนุญาตส่งสารถึงเพื่อนเอ๋มาด้วย
ถึงเอ๋…เพื่อนรัก เราเป็นเพื่อนกันสมัยเรียนมัธยมต้น เอ๋เป็นเด็กกิจกรรม ชอบเล่นกีฬา เข้าร่วมงานต่างๆของโรงเรียนมาตลอด เป็นที่รักของเพื่อนๆ และครู-อาจารย์ทุกท่าน เอ๋มีความเคารพนอบน้อมเสมอมา ก่อนวันที่เอ๋จะเดินทางไกล เราได้คุยกันเป็นเวลานานทางโทรศัพท์ เนื่องจากเราเพิ่งผ่าตัดหัวใจ เมื่อเอ๋รับรู้ เอ๋ให้กำลังใจเรา เอ๋บอกว่าเราเคยเป็นผู้ป่วย เราจึงเข้าใจในผู้ป่วยเช่นกัน เล่าให้ใครฟังก็ไม่เข้าใจเหมือนเรา เอ๋พูดว่า “เอ๋จะไปรออยู่บนสวรรค์นะ…เราคงไม่ได้คุยกันแล้ว ขอให้เพื่อนอยู่ต่อจะได้ช่วยผู้อื่นต่อไป ขอบคุณที่เป็นเพื่อนกัน” เราร้องไห้หนักมาก ไม่อยากวางสาย ราวกับเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว เพื่อนเอ๋ให้กำลังใจ และสั่งไว้ว่าไม่ต้องมางานศพเรานะ เพื่อนจะได้ไม่เหนื่อย ไม่ต้องบอกใครนะ เอ๋ไม่ขอรบกวนคนอื่น ขอให้เก็บความทรงจำที่งดงามไว้ตลอด ให้เพื่อนไปพักผ่อนเถอะ เอ๋บอกว่า “หลังจากนี้ เราคงไม่กิน ไม่กลืน ไม่กล่าวแล้วนะ สังขารมาเท่านี้ ” หลังจากวางโทรศัพท์แล้ว น้ำตาพรั่งพรูออกมา แต่เพื่อนเอ๋เข้มแข็งมากน้ำเสียงปกติ ไม่ทุกข์ใดๆ ปล่อยวางแล้ว อีก 2 วันต่อมา เอ๋ได้ทำตามที่เอ๋บอกเราไว้จริงๆ เพื่อนเอ๋ไม่เจ็บปวดทรมานแล้วนะ เพื่อนเอ๋จะอยู่ในความทรงจำสวยงามของทุกคน…ตลอดไป
 
#เยือนเย็น
#เยือนเย็นวิสาหกิจเพื่อสังคม
#palliativecare
#ดูแลประคับประคอง
#อยู่สบายตายสงบ
#ตายดีที่บ้าน