โสด... ชีวิตป้าตัดสินใจเองได้
เรื่องเล่าจากเยือนเย็น
โสด… “ ชีวิตป้าตัดสินใจเองได้ ”
เมื่อสามปีที่แล้ว คุณป้ายุพาอายุ 71 ปี ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ตรง ระยะที่ 3 จึงตัดสินใจผ่าตัดลำไส้ใหญ่ออก ตามด้วยเคมีบำบัดตามมาตรฐาน FOLFOX x12 เข็ม หลังจากหยุดยาไป 1 ½ ปี มาพบว่ามีก้อนที่ปอด จึงได้รับยาเคมีบำบัดแบบกินอีก 1 ½ ปี ปีนี้คุณป้ายุพาอายุ 74 ปีแล้ว เมื่อต้นเดือนสิงหาคม ป่วยติดเชื้อโควิด เมื่อโควิดหายแล้ว แต่ยังคงมีอาการไอมาตลอด จนกลางเดือนกันยายนอาการไอไม่หาย จึงทำ CT scan ผลพบว่ามะเร็งในปอดเป็นมากขึ้น สองสัปดาห์ที่ผ่านมาต้องใช้ออกซิเจนตลอดเวลา มีไอและเหนื่อยเป็นพัก ๆ จึงปรึกษาเยือนเย็นเพื่อการดูแลที่บ้าน
คุณป้ายุพา ใช้ชีวิตโสด อยู่บ้านคนเดียวในตลาดศรีย่านมากว่า 40 ปี เดิมเคยทำงานธนาคารมากว่า 20 ปี ต่อมาเรียนนิติศาสตร์แล้วสอบได้ตั๋วทนายความ เป็นทนายอาสาของสภาทนายความ มีเพื่อนมากมายหลายกลุ่ม มักชวนกันไปเที่ยวเป็นประจำทุกสัปดาห์ แม้ป่วยเป็นมะเร็งก็ไม่ยอมบอกใคร ไปเที่ยวตลอดอย่างมีความสุข ปฏิบัติธรรมเป็นประจำ สายหลวงตามหาบัว คุณป้าได้สร้างกุฏิไว้ที่วัดแสงธรรมวังเขาเขียว ที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา โดยมีหลวงพ่อโสภา เป็นเจ้าอาวาส
คุณป้ายุพาไม่กลัวตาย พร้อมตายทุกเมื่อ ได้เขียนพินัยกรรมชีวิตไว้แล้ว ไม่ประสงค์ให้การแพทย์ยื้อชีวิตเมื่อหมดสติลง หลังจากกลับจาก รพ.ครั้งล่าสุด ได้ว่าจ้างผู้ดูแลชื่อเฟิร์นมาอยู่ดูแลเป็นเพื่อน แต่ยังคงเดินได้เอง ช่วยเหลือตัวเองได้ คุณป้าได้วางแผนขายบ้านหลังที่อยู่นี้ไปก่อนแล้ว โดยเช่าที่ชั้นสองจากผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจนหมดสัญญาในเดือนหน้า คุณป้ามีคอนโดที่กำลังปรับปรุงเพื่อย้ายเข้าไปอยู่เมื่อทำเสร็จ แต่ช่วงนี้คุณป้ารู้สึกเหนื่อยมากขึ้น เวลาเดินลงมาชั้นล่าง
เมื่อประเมินสถานการณ์แล้ว เราแนะนำให้คุณป้าเริ่มกินมอร์ฟีน จะได้หายเหนื่อย จะได้ไปทำธุรกรรมให้เสร็จสิ้นเรียบร้อย ไป คุณป้าจึงได้เริ่มกินมอร์ฟีน IR ครั้งละครึ่งเม็ด คุณป้ารายงานว่า รู้สึกดีมาก ออกไปนอกบ้านทำธุระต่าง ๆ ได้ตามความประสงค์ เริ่มเหนื่อยก็กินยาเพิ่มเอา คุณป้าแจ้งข่าวพวกเราทางไลน์ทุกวัน ว่าไปไหนบ้าง ทำอะไรบ้าง อย่างมีความสุข พอกลับบ้านก็พักผ่อนสบาย
คุณป้ากล่าวว่า “ วันนี้ป้ายังมีสติสัมปชัญญะดีสมบูรณ์ นอกจากพินัยกรรมชีวิตแล้ว ป้าสั่งผู้ช่วยไว้แล้วว่า เมื่อใดก็ตามหากป้าเกิดอาการฉุกเฉินใดๆ ไม่ต้องนำส่งโรงพยาบาล แต่ให้ติดต่อคุณหมอและทีมงานมาช่วยดำเนินการตามความเห็นและวิธีการของคุณหมอและทีมงาน เพื่อให้ป้าจากไปแบบสุขสงบ โดยไม่ต้องฟังเสียงทัดท้านใครทั้งสิ้น ซึ่งก็ไม่น่าจะมี ชีวิตป้า ป้าตัดสินใจเองได้ในขณะมีสติครบสมบูรณ์ค่ะ หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นคุณหมอและทีมงานคงยินดีมาช่วยดำเนินการตามความประสงค์ของป้าค่ะ”
ผ่านไป 2 สัปดาห์ คุณป้าแจ้งว่า ตอนนี้ชักจะเหนื่อยตลอดเวลาแล้ว เราจึงให้เพิ่มปริมาณมอร์ฟีน IR เป็นหนึ่งเม็ดกินได้ทุก 4 ชั่วโมง และเริ่มให้มอร์ฟีนออกฤทธิ์ยาว หลังจากเพิ่มมอร์ฟีนแล้วก็คุมอาการเหนื่อยได้ แต่ก็ต้องเพิ่มปริมาณมอร์ฟีนขึ้นอีกอย่างรวดเร็ว อีกสองวันต่อมาคุณป้าเริ่มสังเกตว่ากลืนยาเม็ดได้ยากขึ้น เราจึงเปลี่ยนให้เป็นยาแปะผิวหนัง fentanyl patches และไปเยี่ยมคุณป้าอีกครั้งหนึ่ง
ในการเยี่ยมบ้านครั้งนี้ คุณป้ายังคงคุยเก่งเหมือนเดิม คุยไปยิ้มไปอย่างมีความสุข มีเพื่อนสนิทมาคอยดูแลด้วย คุณป้าใส่ชุดขาวตลอดเวลาเช่นเดิม คุณป้าถามเราว่า ถ้าอยากไปอยู่กุฏิที่ได้สร้างไว้ที่วัดที่วังน้ำเขียว จะเดินทางได้ไหม เราสนับสนุนว่า ถ้าทางวัดยินดีให้อยู่ และตายที่นั่นได้ก็ย่อมไปได้ และควรเดินทางทันที คุณป้าดีใจมาก รีบติดต่อวัด และได้รับคำตอบว่าให้ไปได้ทันที คุณป้าและน้องใบเฟิร์นจึงติดต่อรถและออกเดินทางไปในคืนวันนั้นเลย
ตอนเช้าไปถึงที่วัดแล้ว คุณป้าส่งรูปมาให้เราดูทางไลน์ บรรยากาศสดชื่นร่มรื่นมาก ดูสัปปายะ อาการเหนื่อยดูสงบ และควบคุมได้ด้วยยาแปะทางผิวหนัง และออกซิเจนทางสาย แม้ว่า O2 sat จะอยู่ระหว่าง 77-89% ผ่านไปสองวันเริ่มมีเหนื่อยขึ้นนอีกจึงปรับเพิ่มมอร์ฟีน IR และแผ่นแปะ โดยน้องเฟิร์นผู้ดูแลติดต่อเราได้ตลอดเพื่อแจ้งอาการ
คุณป้ามาอยู่ที่วัดได้ 6 วัน เปี่ยมด้วยความสุข ปล่อยวางทุกสิ่ง อยู่กับปัจจุบันและธรรมะ ปฏิบัติธรรม ใส่บาตรตามกำลัง จนกระทั่งเช้ามืดของวันที่ 4 พ.ย. 65 คุณป้าพ้นทุกข์ ไม่เหนื่อยแล้ว สิ้นลมอย่างสุขสงบในบรรยากาศอันเป็นกุศลยิ่ง คุณป้าได้สั่งเสียวิธีจัดการศพให้จัดการเผาอย่างเรียบง่าย รวดเร็ว ไม่เป็นภาระแก่ใคร เป็นการจากไปอย่างสวยงามของผู้มีธรรมสติ