สุขสงบเคารพตามเจตนารมณ์ที่ระบุไว้ใน Living will

สุขสงบเคารพตามเจตนารมณ์ที่ระบุไว้ใน Living will

🙏 👵 สุขสงบเคารพตามเจตนารมณ์ที่ระบุไว้ใน Living will 📝🙏

👵คุณป้าพรทิพย์แต่งงานกับชาวอเมริกัน แต่ไม่มีบุตรด้วยกัน มีเพียงบุตรของสามีกับภรรยาคนแรกที่ดูแลใกล้ชิดกัน คุณป้าใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกามาตลอด จนกระทั่งหลังจากที่สามีเสียชีวิตแล้ว คุณป้าเกษียณอายุและมาเที่ยวเมืองไทยทุกๆ ปี จนปี 2018 มาเที่ยวเมืองไทยช่วงเดือนธันวาคม และข้ามไปเที่ยวลาวในต้นเดือนมกราคม โดยระหว่างที่พักอยู่ที่โฮมสเตย์ที่ จ.หนองคาย คุณป้าเดินพลาดล้มตกบันได หมดสติ ตรวจพบว่ามีเลือดออกทับก้านสมอง ทำการผ่าตัดแล้วไม่ตื่นอีกเลย หลังจากที่ใส่เครื่องช่วยหายใจเป็นเวลานาน คุณหมอทำการเจาะคอแล้ว หายใจได้เองแต่ไม่ฟื้น นอนเป็นเจ้าหญิงนิทรา ญาติจึงตัดสินใจย้ายเข้ามาดูแลที่ nursing home ในกรุงเทพฯ

👵คุณป้าได้เขียน living will ไว้ตั้งแต่ยังอยู่ที่อเมริกา ระบุไว้ว่ามิให้ยื้อชีวิตถ้าวันหนึ่งหมดสติไปจากโรคที่รักษาไม่หาย ทางญาติฝั่งไทยและอเมริกันเคารพ living will นี้ ร่วมพิจารณาว่าการให้อาหารทางสายยางไปเรื่อย ๆ โดยที่คุณป้าไม่มีสติ ไม่สามารถรับรู้อะไรเป็นการอยู่อย่างไม่มีคุณภาพชีวิต แต่คุณหมอเจ้าของ nursing home บอกว่าทำการถอดให้ไม่ได้ ครอบครัวจึงต้องจำยอมให้อยู่ที่ nursing home ต่อไปอย่างไม่มีกำหนด จะย้ายกลับอเมริกาก็ไม่ได้ ญาติที่อเมริกาก็มาเยี่ยมไม่ได้เพราะช่วงโควิดระบาด มีเพียงญาติห่าง ๆ ใน กทม.ที่แวะเวียนมาเยี่ยมได้เป็นครั้งคราว

👵เวลาผ่านไปเกือบ 4 ปี หลานชายที่อยู่เมืองไทย จึงได้รู้จัก และปรึกษาเยือนเย็นฯ ครอบครัวที่เมืองไทย และที่ อเมริกาประสงค์ให้ดูแลแบบธรรมชาติ ไม่ยืดชีวิต เคารพตามที่ระบุไว้ใน living will ซึ่งให้ power of attorney (หนังสือมอบอำนาจ) ไว้แก่หลานและเพื่อนชาวอเมริกันสามคน ว่าให้เป็นผู้ตัดสินใจแทนเมื่อคุณป้าไม่มีสติสัปชัญญะแล้ว เราจึงได้นัดประชุมทาง Group Line call ทุกคนเห็นพ้องว่า คุณป้ามีการรับรู้ที่จำกัด ไม่สามารถสื่อสารได้ ไม่สามารถกินน้ำและอาหารได้เอง มีชีวิตอยู่ทุกวันนี้อย่างไม่มีคุณภาพชีวิต มีหลอดคอเพื่อดูดเสมหะเป็นครั้งคราว เราจึงนำเสนอทางออกในการเคารพ living will และเลือกยุติการแทรกแซงธรรมชาติอีกต่อไป โดยงดให้น้ำอาหาร และยา ยกเว้นยาที่จะทำให้คุณป้าอยู่ได้อย่างสงบ เช่น ยากันชัก และอนุญาตให้คุณป้าเสียชีวิตตามธรรมชาติ ทุกคนเห็นพ้องด้วยกับแผนการดูแลนี้
.
👵เราจึงสื่อสารกับ คุณหมอเจ้าของ nursing home ในการดูแลโดยงดอาหารและน้ำ เพื่อให้หมดเวลาตามธรรมชาติ แต่คุณหมอปฏิเสธว่าทำให้ไม่ได้ เราจึงเสนอให้ครอบครัวย้ายคุณป้ามาดูแลที่ บ้านเรือนแก้ว ซึ่งเป็น nursing home ที่เรารู้จักดีและไม่ขัดข้องที่จะดำเนินการยุติการแทรกแซงธรรมชาติ ตามความประสงค์ของคุณป้าพรทิพย์ที่ได้สั่งเสียไว้ ให้เป็นอย่างสงบตามธรรมชาติโดยไม่ต้องพึ่งโรงพยาบาล จากประสบการณ์ เราคาดว่าคุณป้าน่าจะอยู่ได้ระหว่าง 12-20 วัน จึงนัดวันเดินทางของญาติจากอเมริกาให้มาถึงไทยในเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้มีโอกาสได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิด
.
👵 เมื่อได้วันเวลาตามกำหนดย้าย nursing home ณ วันที่คุณป้าอายุ 78 ปีแล้ว การเคลื่อนย้ายคุณป้ามาดูแลที่บ้านเรือนแก้ว เป็นไปอย่างเรียบร้อยดี ในวันที่ย้ายมานั้น คุณป้ามีน้ำหนักเกินจากการนอนให้อาหารทางสายยางเกือบ 4 ปี เราเฝ้าดูแลและติดตามอาการกันทุกวันทางไลน์กลุ่ม ครอบครัวรับทราบการดูแลโดยตลอด หลังจากเริ่มงดอาหารได้ 7 วัน หลานชายได้เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกาเพื่อมาเยี่ยมคุณป้า เราได้สังเกตว่าคุณป้าผู้ซึ่งไม่เคยตอบสนองแต่อย่างใด ดูจะรับรู้ได้ว่าหลานมาเยี่ยม มีน้ำตาไหล และกระพริบตาได้
.
👵 คุณป้าเริ่มปัสสาวะน้อยลงตามลำดับ แต่ยังมีอยู่แม้ไม่ได้น้ำเลย จนเมื่อเวลาผ่านไปสองสัปดาห์ปัสสาวะจึงหยุด หลังจากนั้นคุณป้ายังคงอยู่ในความสงบ ญาติๆ ผลัดกันมาเยี่ยมเป็นระยะ ๆ เมื่อผ่านไป 3 สัปดาห์ คุณป้าก็ยังมีสัญญาณชีพปกติ ไม่มีความทรมานใด ๆ เราดูแลความสะอาด สบายตัวอย่างต่อเนื่อง เริ่มเข้าสัปดาห์ที่ 4 คุณป้าก็ยังคงนอนนิ่งอยู่ในความปกติ มีเพียงผิวหนังซูบย่นลงบ้างตามธรรมชาติ ร่างกายยังดูไม่ออกว่าผอมลง ในเชิงจิตวิญาณเราเริ่มสงสัยว่า คุณป้ายังมีห่วงอะไร หรือท่านยังคงเฝ้ารอใครอยู่หรือเปล่า
.
👵 จนกระทั่งญาติฝั่งอเมริกาที่มาเยี่ยมไม่ได้ ได้ทำการวิดีโอคอลเพื่อกล่าวอำลาจนครบทุกคน ทางครอบครัวได้เตรียมชุดสวยงาม ทางบ้านเรือนแก้วเตรียมจัดให้ถวายสังฆทาน นิมนต์พระสงฆ์มาสวดมนต์ข้างเตียงจนจบพิธี จากนั้นอีกสองวันต่อมา คุณป้าเริ่มมีไข้ น้ำตาลขึ้นสูง นอนหลับและจากไปอย่างสงบ รวมเวลาทั้งสิ้น 33 วันหลังเริ่มงดน้ำและอาหาร

📝 Living will เป็นโอกาสที่จะทำให้ผู้เข้าใจสัจธรรม หลุดออกจากวงจรการยื้อชีวิตได้
คุณหมอด้านประคับประคอง และ เยือนเย็น วิสาหกิจเพื่อสังคม เคารพเจตนารมณ์ของท่านเสมอ 🙏🙏🙏
ขอบคุณภาพจากครอบครัวที่อนุญาตให้ลงได้