เรื่องของพ่อ-อีกครั้ง (กับพรอันยิ่งใหญ่)
เรื่องของพ่อ-อีกครั้ง (กับพรอันยิ่งใหญ่)
จากตอนที่แล้วที่ว่าการดูแลแบบประคับประคอง Perfect Palliative Care คือเส้นทางที่พ่อเลือกกับแวว
เมื่อพ่อฟื้นตัวจากโรงพยาบาล เราจึงนำพ่อกลับบ้านพร้อมกับสาย NG
เครื่องผลิตออกซิเจนมีพร้อมที่บ้านแล้ว จะซื้อก็แต่เครื่องดูดสเลด
กลับมาไม่นานพ่อเริ่มทานอาหารเองได้บ้าง เราจึงถอดสาย NG และเริ่มป้อนนม Ensure และอาหารอ่อน
ความท้าทายย่อมมีแน่นอน แต่เราจะผ่านมันไปได้อย่างแน่นอนหากเรา “เผชิญหน้า” กับมันเป็นเรื่องๆไปอย่างมีสติ
_อาการเครียดของแม่ การอยู่ร่วมกันกับคนแปลกหน้าอีก 1 คนคือพี่เลี้ยงพ่อ แบบที่ไม่มีบ่อยนักในชีวิตแม่ บวกกับความห่วงใยพ่อขั้นสุด แต่ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับการดูแลแบบประคับประคองนั้นยังน้อย จึงทำให้แม่เครียด ดูสับสน และไร้ซึ่งความสุข
ช่วงหลังมาเราจึงตระหนักว่าการดูแลคนดูแลก็สำคัญมากไปไม่น้อยกว่าการดูแลผู้ป่วย เราควรทำการประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) ในด้านต่างๆให้ครบ
_พี่เลี้ยง ในเวลาที่กระชั้นชิดจากการป่วย เรามีสิทธิ์เลือกพี่เลี้ยงเองไม่ได้มากนะ แค่ไว้ใจคนหาให้ และลองดูกันไป กว่าเดือนที่แววดูแลพ่อร่วมกับพี่เลี้ยงคนแล้วคนเล่า แววตระหนักว่า แม้พี่เลี้ยงจะฝีมือดีแค่ไหน ความใส่ใจความละเมียดละไมจะไม่มีเท่าลูกแน่นอน
ดีอยู่ราว 2 สัปดาห์ อาการพ่อเริ่มทรุดอีกครั้ง เริ่มทานอาหารดื่มน้ำได้น้อยลง เหม่อลอย
ระหว่างที่เรานำพ่อกลับจากโรงพยาบาลมาที่บ้านนั้น เราปรึกษาถึงอาการต่างๆของพ่อ อีกทั้งแม่ด้วยกับคุณหมอเม และทีมงาน เยือนเย็น วิสาหกิจเพื่อสังคม เป็นระยะๆ
จนกระทั่งสัปดาห์อันท้าทายสัปดาห์นี้ เพื่อเยียวยาแม่ แววจึงตัดสินใจย้ายพ่อจากบ้านแม่ (ห่างข้ามรั้วกัน 30 เมตร) มาอยู่กับแววแบบสมบูรณ์แบบ ณ ห้องริมน้ำ (ที่ท่านชยสาโรขนานนามให้เราว่า มีอาศรมส่วนตัวน่าอยู่ที่ริมน้ำด้วย) และดูแลแบบประคับประคอง 100% ตามทฤษฏี พร้อมคำแนะนำจากคุณหมอและทีมงานผ่านทางไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง
ทุกคนจึงรู้สึกสบายมากขึ้น
รู้มั้ยว่าแววเรียนรู้อะไร….
เรียนรู้ว่าคุณสมบัติของคนที่จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางให้กับครอบครัวในการดูแลผู้ป่วยคนหนึ่งในระยะท้ายนั้น คุณจะต้องเจอกับความท้าทายมากมาย ไม่ว่าจะอาการผู้ป่วย อารมณ์คนรอบข้าง ผู้หวังดี พี่เลี้ยง ความเห็นที่ไม่ตรงกัน… ดีนะไม่มีเรื่องมรดก
สิ่งที่สำคัญที่สุดแน่นอนคือ “สติ” และสติที่ฝึกไว้หลายปีจะถูกดึงออกมาใช้ในเวลาที่ขับขันขั้นสุดได้อย่างดีเสมอ นอกจากต้องมี “พรหมวิหาร 4” แล้วจะต้องมีความ Strong แต่อ่อนโยน จะต้องมีจิตใจที่มั่นคง ตัดสินใจเด็ดเด็ดเดี่ยวบนพื้นฐานของความต้องการของผู้ป่วย ข้อมูลทางการแพทย์อยู่บ้าง (แม้จะไม่ได้เป็นแพทย์เองก็ตาม)
มันจะทำให้เราสามารถผ่านเหตุการณ์ต่างๆไปด้วยปัญญาทั้งทางโลกและทางธรรม
จน 3-4 วันที่ผ่านมาพ่อเริ่มปฏิเสธทั้งน้ำและอาหาร เราจึงเริ่มเรียนท่านชยสาโร ท่านรับปากว่าท่านจะมาไม่วันเสาร์ก็วันอาทิตย์
วันนี้….
*** พ่อมีบุญมากๆ ***
_บุญแรก
***พ่อมีทั้งหมอที่เก่งมากๆ และพระอริยเจ้า มาอยู่ด้วยในที่เดียวกันและเวลาเดียวกันอย่างเมตตา
_บุญที่สอง
โรคที่พ่อเป็นอยู่นั้น คุณหมอบอกว่าเป็นโรคที่ไม่สร้างความทรมานใดๆให้กับร่างกาย ไปจนถึงจิตใจ
พ่อเป็นโรคทางสมอง แต่ในขณะที่ ร่างกายและ Vital Sign ทุกอย่างนั้นดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็น ตับ ไต หัวใจ ปอด
ความดันพ่อไม่เคยแกว่งเลยแม้แต่นิดเดียว
แอบเสียดายแทน รพ #ศรีนครินทร์ ขอนแก่นที่ไม่สามารถรับร่างของพ่อไปได้ตามความตั้งใจของพ่อหากพ่อได้สิ้นลง
หากเนื่องจากสมองคือศูนย์สั่งการทุกอย่างของร่างกาย เมื่อสมองมีภาวะผิดปกติการสั่งงานทุกอย่างจึงผิดปกติไปด้วย
จนถึงเมื่อวานพระและหมอเมตตาแจ้งเราว่าจะมาพบ ในวันเดียวกันโดยที่มิได้นัดหมายในวันนี้ และพระและหมอก็รู้จักกันมาก่อนที่อเมริกา
เมื่อคืนหมอบึ่งมาจากกรุงเทพถึงปากช่องตอนสองทุ่ม ตรวจพ่อและวินิจฉัยว่าออกซิเจนและสัญญาณชีพบางอย่างของพ่อไม่ดีนัก
แต่หากเมื่อเช้าเมื่อท่านชยสาโรเมตตามารับผ้าไตรจีวรจากพ่อพร้อมทั้งพูดคุยเทศนาให้พร สัญญาณชีพและออกซิเจนกลับดีขึ้น
Amazing แต่เป็นเรื่องจริง
ใครคนใดจะมีบุญอย่างพ่ออีกหนอ
แปลกแต่จริง สิ่งที่ท่านชยสาโรเทศน์ให้พ่อนั้นเป็นสิ่งที่อยู่ในใจแววเสมอคือ “ชีวิตนั้นเหมือนละคร จบจากฉากหนึ่งก็เริ่มอีกฉากหนึ่งต่อ”… หลังจากนั้นหูดับจำไม่ได้เมมเต็มซะงั้น
วันนี้จึงเป็นวันที่ดีที่สุดวันหนึ่งในชีวิตแววและพ่อ
ขอบคุณคุณหมอเม Issarang Nuchprayoon และทีมงาน เยือนเย็น วิสาหกิจเพื่อสังคม เมตตาเรามากๆ ดูแลเราอย่างดีในทุกระยะหลังจากที่เราตัดสินใจดูแลพ่อแบบประคับประคองแบบ 100% ตลอดเรื่อยมา ทำให้พ่อมีวันนี้ที่แม้ยังป่วยอยู่แต่ไม่ทรมาน และทำให้แววไม่รู้สึกโดดเดี่ยว ลำพัง ในการเดินทาง
ขอบคุณพี่อ๊อดพี่จิ๋ม Samret Chueysai พี่ที่มีเมตตามากๆ นอกจากให้ยืมเตียงผู้ป่วยมาใช้แล้วยังเป็นที่ปรึกษา ผู้ที่ช่วยเรียนพระอาจารย์อย่างตรงไปตรงมาถึงอาการของพ่อ รวมถึงรับส่งพระอาจารย์มาที่บ้านอีกด้วย
ขอบคุณ ชีวามิตร Cheevamitr Social Enterprise สำหรับคอร์สที่ดีที่สุดคอร์สนึงในชีวิต “วีถีสู่การเตรียมตัวตายอย่างสงบ” หากไม่มีวิชาความรู้จากคอร์สนี้แววคงไม่มีความมั่นใจพอที่จะมาต่อสู้กับความท้าทายต่างๆในการดูแลแบบประคับประคอง 100% นี้ได้
ขอบคุณธรรมะของพระพุทธเจ้า
ขอบคุณพ่อแม่ครูบาอาจารย์อีกทั้งกัลยาณมิตร
ขอบคุณตัวเองกับการปฏิบัติอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ
คุณหมอรวมถึงพระอาจารย์ชื่นชมว่าดูแลและจัดการได้ดี ทำให้พ่อไม่ทรมานในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่
มีความสุข บนเส้นทางที่ท้าทายมากที่สุดเส้นทางหนึ่งในชีวิต
วันนี้แววตระหนักอย่างหนักแน่นว่า
ละครชีวิตในฉากที่เหลืออยู่ของแวว นอกเหนือจากการต่อสู้กับ “กิเลส” แล้ว แววไม่ได้สู้กับสิ่งอื่นใดอีกเลย