อยู่กับมะเร็งอย่างสันติถึง 8 ปี

อยู่กับมะเร็งอย่างสันติถึง 8 ปี

เรื่องเล่าเยือนเย็น

“อยู่กับมะเร็งอย่างสันติถึง 8 ปี”
 
คุณแม่เริ่มพบก้อนใต้หัวนมขวาตั้งแต่อายุประมาณ 74 ปี แต่ไม่บอกใคร คุณแม่ชอบใช้ยาหม่องเลียงผาทาที่แผล บางครั้งมีเลือดออกแต่หยุดเองได้ด้วยยาหม่องเลียงผาเป็นประจำ ดูแลด้วยตนเองมาตลอดเกือบ 5 ปี คุณแม่รู้สึกดี ใช้ชีวิตปกติ ไม่ยอมไปโรงพยาบาลอีกเลย จนเมื่อเริ่มมีอาการปวดบริเวณรักแร้เป็นพัก ๆ และแผลขยายวงใหญ่ขึ้นอย่างช้า ๆ เป็นเวลาเดือนหนึ่ง และเริ่มมีต่อมน้ำเหลืองโตที่รักแร้ขวา กินยา ibuprofen แล้วหายปวดอาการทุเลาลงได้บ้าง คุณแม่จึงเริ่มปรึกษาเยือนเย็น เมื่อ 11 มิ.ย. 2565 คุณแม่อายุ 79 ปี
 
เมื่อคุณแม่ทราบว่าตัวเองเป็นมะเร็ง คุณแม่ไม่รู้สึกกลัวกับอาการต่างๆ แต่กลัวติดเตียงแล้วจะเป็นภาระแก่ลูก ดูแลรักษาตนเองด้วยการสวดมนต์ และคุยกับมะเร็งให้อยู่สงบ คุณแม่จึงเลือกที่จะไม่รับการรักษาด้วยการผ่าตัด เคมีบำบัด หรือฉายรังสี เพราะเคยมีประสบการณ์จากการดูแลพ่อซึ่งป่วยเป็นมะเร็งตับเมื่อสิบปีก่อน และเคยรู้จักคนที่ฉายรังสีแล้วทรุดลงจนเสียชีวิต คุณแม่เปรยว่าสนใจอยากลองใช้น้ำมันกัญชาเป็นทางเลือกมากกว่า เราก็เคารพการตัดสินใจของคุณแม่ และแนะนำการทำแผลด้วย betadine & saline wash + bactigras dressing และวางแผนนัดตรวจเลือดที่บ้าน
 
คุณแม่เป็นแม่บ้านแสนขยันไม่ชอบหยุดนิ่ง ชอบทำงานบ้าง ดูแลครอบครัว อยู่กับลูกชาย 2 คน และมีลูกสะใภ้เป็นผู้ดูแลคุณแม่เป็นหลักด้วยความใกล้ชิด คุณแม่ชอบปลูกต้นไม้ ชอบให้ลูก ๆ พาไปนมัสการหลวงปู่พล ธัมมปาโล วัดหนองคณฑี จ.สระบุรี ที่คุณแม่เคารพและศรัทธาในตัวหลวงปู่ ชอบแนวปฏิบัติของท่าน คุณแม่อัธยาศัยใจดี ยิ้มแย้ม ชอบทำบุญมาตลอด เมื่อมีเวลาว่างจะไปฟังเทศน์ทุกวันพระที่วัดสระเกศ คุณแม่ปฏิบัติธรรม ภาวนาสัมพุทโธ 9 ครั้ง แล้วขอให้หลวงปู่ส่งพลังให้รักษาสุขภาพมาตลอด สวดมนต์ทุกวันที่หิ้งพระที่บ้าน
 
คุณแม่ดูแลตนเองได้ดีมาตลอด เราดูแลต่อเนื่องเข้าปีที่ 2 คุณแม่ยังคงใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ ชอบกินอาหาร ขนมอร่อย โดยเฉพาะชอบกินทุเรียนมากเป็นพิเศษ เคยกินหมด 10 พูในวันเดียว คุณแม่มีคุณภาพชีวิตที่ดีมาก ทำกิจกรรมทุกอย่างได้ด้วยตนเอง รดน้ำต้นไม้ และออกกำลังกายวันละ 30 นาทีจนเหงื่อออกทุกวัน จะได้นอนหลับอิ่มๆ ลูก ๆจะตามใจท่าน เพียงต้องระวังการลื่นหกล้ม
 
เข้าปีที่ 3 ที่เยือนเย็นได้มีโอกาสดูแลคุณแม่อย่างต่อเนื่อง คุณแม่เริ่มมีอาการป่วยมากขึ้นตามลำดับ คุณหมอจึงต้องปรับระดับการใช้ยามอร์ฟีนบำบัดอาการปวด และยาระบาย และแนะนำอุปกรณ์การดูแลแผล รวมถึงวิธีล้างแผล หลังจากคุณหมอปรับยาเพิ่มจนหายปวดนอนหลับได้ คุณแม่ได้ใช้ชีวิตปกติ ชอบให้นวดบ้างตามจุดที่ปวด เช่นแขน หลังบ้าง ออกไปทานอาหารอร่อยนอกบ้าน ไปทำบุญได้ตามเดิม และในช่วงต้นปีนี้ครอบครัววางแผนให้คุณแม่ไปเที่ยวฮ่องกงด้วย ทีมงานดีใจคุณหมอออกใบรับรองแพทย์ชี้แจงอาการเจ็บป่วย และขออนุญาต ตม. ฮ่องกง เพื่อนำยามอร์ฟีนที่ต้องใช้ไปด้วย ในที่สุดทุกอย่างราบรื่น หลังจากกลับมาถึงบ้านแล้ว เราทักทายไปสอบถามว่าคุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง ได้รับคำตอบว่า พอดีไปช่วงกลางเดือนมกราคม อากาศจึงยังหนาวเย็นมาก แต่ Surprise!! คุณแม่ไม่ต้องใช้ยาแก้ปวดเลยระหว่างที่ไปเที่ยว มีเลือดออกซิบ ๆ บ้างล้างแผลไป ทุกคนมีความสุขมากในทริปนี้ มีบ้างที่รู้สึกร้อนรอบแผล แต่เมื่อประคบเย็นก็จะดีขึ้น ครอบครัวดูแลกันตามอาการได้ดี คุณแม่กล่าวชื่นชมลูกๆ และบอกว่าโชคดีที่มีลูกสะใภ้ดี น่ารักทุกอย่างเลย เธอจะเตรียมอาหาร เตรียมยา และล้างแผลให้แม่ตลอด รู้ว่าแม่ท้องผูกถ่ายยากก็จะเตรียมน้ำมะขามให้แม่ด้วย
 
ช่วงกลางปีที่ผ่านมาคุณแม่เริ่มปวดแขน ที่แผลมีน้ำเลือดไหลออกมา คุณหมอปรับยาแก้ปวดเพิ่มขึ้น มีปวดบวมบริเวณรักแร้ทุกครั้งที่ทำแผล คุณแม่บอกว่านึกถึงเยือนเย็น นึกถึงคุณหมอ และทีมงานเสมอ เหมือนเป็นที่พึ่งทางใจ ในช่วงที่ลูกสะใภ้ไม่อยู่ ติดภารกิจครอบครัว ทีมงานพยาบาลเยือนเย็นจะเข้าไปดูแลล้างแผลให้ คุณแม่จะคอยมาเปิดประตูให้ทุกครั้ง คุณแม่มีบ่นกับพยาบาลว่าเริ่มเบื่อชีวิตแล้ว แต่เมื่อพยาบาลทำแผลไปชวนคุยไป เรื่องหลวงปู่พล ธัมมปาโลที่คุณแม่ศรัทธาท่านมาก คุณแม่คุยจนลืมปวดเลย และยังชวนทีมงานเยือนเย็นไปทำบุญกัน หลายวันต่อมาไม่นานลูกสะใภ้บอกว่ากำลังเดินทางกลับ คุณแม่ดีใจ ยิ้มแก้มปริไม่บ่นปวดแผลเลย
 
หนึ่งเดือนต่อมา คุณแม่มีอาการปวดบริเวณหัวไหล่ร้าวลงแขนกับมือชา และหนาวเหน็บที่ฝ่ามือ พยาบาลจึงแนะนำวิธีพันผ้ายืดแรงกดรัดสำหรับภาวะบวม และช่วยนวดไล่น้ำเหลืองพอช่วยบรรเทาปวดลงได้บ้าง ร่วมกับการทานยาที่คุณหมอแนะนำจึงลดอาการปวดลงได้ดีขึ้นบ้าง เว้นระยะไม่นานนักช่วงกลางดึกคุณแม่บ่นว่าหายใจไม่ออก ลูกสะใภ้จึงให้ใส่สายออกซิเจนทางจมูก (Cannula) คุณแม่พูดว่า “เหมือนจะไปแล้ว” หลังจากใช้เครื่องผลิตออกซิเจนประมาณครึ่งชั่วโมง คุณแม่รู้สึกว่าดีขึ้นนิดหน่อย ระยะนี้มักจะเกิดอาการวูบๆ ช่วงค่ำๆ แต่ไม่ได้หมดสติ ยังคงรู้สึกตัว
 
ในสัปดาห์นี้ คุณแม่เริ่มไม่อยากอาหารไม่กลืนยาแล้ว อยากให้ช่วยใส่สายให้อาหารผ่านทางจมูก (NG) ที่บ้าน คุณหมอจึงเปลี่ยนยากินเป็นชนิดแผ่นแปะ fentanyl บำบัดอาการปวดและเหนื่อย คุณแม่ยังคงชอบให้นวดบริเวณแขนที่ปวดประจำทุกวัน แต่หลังจากที่ได้รับอาหารทางจมูกลงกระเพาะแล้ว คุณแม่รู้สึกคลื่นไส้ จึงขอเลิก ให้เอาสายออก แล้วนอนหลับได้ดีกว่า
 
ลูกสะใภ้สังเกตว่าคุณแม่เริ่มหมดกำลังใจที่จะไปต่อ สภาพจิตใจย่ำแย่ หดหู่มาก ไม่อยากทานอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว ไม่มีแรง ไม่อยากทำอะไรเลยเบื่อกับสภาพร่างกายแบบนี้ที่มีแต่จะแย่ลงทุกวัน เราจึงเริ่มสงสัยว่ามะเร็งอาจลุกลามไปสมองแล้ว คุณแม่พิจารณาว่าไม่อยากเป็นภาระทุกคน คุณแม่เกรงใจลูก ๆ ที่ต้องดูแล จึงตัดสินใจไปพักที่โรงพยาบาลรวมใจรักษ์เป็นการชั่วคราว หลังจากที่ทำ CT scan สมอง ก็พบว่ามะเร็งได้กระจายไปแล้วจริง ๆ คุณแม่ได้เลือกอยู่กับมะเร็งอย่างสันติต่อไป ไม่ฉายรังสีที่สมอง ให้ยาแก้อาเจียนและสเตียรอยด์จนอาการดีขึ้น เริ่มเจริญอาหาร อยากทานขนมจีนแกงเขียวหวาน กินช็อคโกแลต ขับถ่ายได้ดี ได้พักผ่อนเต็มที่ มีนักกายภาพบำบัดมาช่วยนวดไล่น้ำเหลือง แขนยุบลงได้บ้าง เดินได้ดีขึ้น แต่ระหว่างนั้นเกิดมีอาการปวดแขนเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพิ่มยาแก้ปวดเป็นปริมาณมาก คุณหมอได้ส่งต่อให้ฉายรังสีก้อนที่เต้านมและรักแร้ ที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ โดยด่วน เพื่อลดอาการปวดให้คุณแม่ หลังจากฉายรังสีครบ 5 ครั้ง อาการดีขึ้นอย่างรวดเร็วใช้ยาแก้ปวดลดลงมาก
 
คุณแม่สวดมนต์ข้ามปี สวัสดีปีใหม่ทุกคนที่โรงพยาบาล คุณแม่นอนหลับได้ดีในคืนปีใหม่ ผ่านมา 4 วัน คุณแม่รู้สึกเบื่ออาหาร ทานไม่ลง เริ่มปฏิเสธทุกอย่าง ไม่ให้ความร่วมมือใดๆ ไม่ทำกายภาพบำบัด ไม่เช็ดตัว ไม่ขยับตัว ไม่ปวด ร่างกาย ภายนอกดูปกติดี คุณหมออธิบายว่าอาจเป็นเพราะยา Steroid ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง มีอารมณ์เปลี่ยนแปลง จึงลดยาลง และอาจทำให้สมองบวมเพิ่มขึ้น คุณแม่ก็จะหลับมากขึ้น ตื่นน้อยลง จนท่านพ้นทุกข์ โดยไม่ทรมาน หรือมะเร็งในสมองกำเริบดื้อยาแล้ว
 
ครบ 1 เดือนเต็มที่อยู่โรงพยาบาล มีความเปลี่ยนแปลงหลากหลายอาการ และอารมณ์ ลูกๆ ตัดสินใจกันว่าจะพาคุณแม่กลับบ้าน เมื่อมาถึงบ้านแล้วคืนนั้น คุณแม่นอนหลับได้ดี มีตื่นบ้าง ขอลุกนั่งบ้าง แล้วหลับต่อ อารมณ์ดี ยิ้มแย้ม ขับถ่ายได้ดี ชวนผู้ดูแลดูทีวีบ้าง ขอฟังธรรมจากหลวงปู่บ้าง ทานอาหารได้เอง และทานช็อคโกแลตเป็นของโปรด ค่าความดันสัญญาณชีพดูดี ค่าออกซิเจนต่ำบ้างปกติบ้าง ผู้ดูแลจัดการขับถ่ายได้ดี คุมอาการปวดได้ดี คุณแม่บ่นคิดถึงคุณหมอและทีมงานเยือนเย็นด้วย
 
9 วันต่อมา หลังจากกลับมาอยู่ที่บ้าน คุณแม่หลับๆตื่นๆ พูดสับสน เข้าใจว่ายังนอนอยู่โรงพยาบาล มี พึมพำบ้าง ละเมอบ้าง ประมาณตี 1 คุณแม่เริ่มหายใจติดขัด ออกซิเจนตก หายใจหอบแรง สะดุ้งบ้าง ไม่กลืนน้ำและยาใด ๆ แล้ว มีเสียงครืดคราดน้ำลายในลำคอ จึงใช้ลูกยางแดงช่วยดูดออกมาพอได้บ้าง ลำตัวร้อน ปลายเล็บปลายนิ้วคล้ำลง มือเท้าเย็น ลูก ๆ มาร่วมส่งคุณแม่ สวดมนต์ร่วมกัน คุณแม่เดินทางอย่างสงบในช่วง 9 โมงเช้าของวันต่อมา
ทางครอบครัวดำเนินการตามความประสงค์ของคุณแม่ นำร่างบริจาคเป็นอาจารย์ใหญ่
 
ทีมงานขอร่วมอนุโมทนามหากุศลแก่คุณแม่ ในบรรยากาศอบอวลกลิ่นหอมจากดอกไม้ที่คุณแม่ปลูกไว้ทั่วบ้าน
รวม 968 วันที่เราดูแลคุณแม่ผู้มีบุญ
ขอขอบคุณครอบครัวคุณแม่ที่อนุญาตให้เรานำเรื่องราวและรูปภาพมาลงเพจนี้เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ต่อไป
 

#เยือนเย็น #เยือนเย็นวิสาหกิจเพื่อสังคม #palliativecare #การดูแลแบบประคับประคอง #ดูแลที่บ้าน