อยู่กับมะเร็งหลังโพรงจมูกอย่างมีความสุขของ “เตี่ยผู้เป็นที่รักของครอบครัว” คุณพ่อชอบทำกับข้าว อร่อยทุกมื้อ

อยู่กับมะเร็งหลังโพรงจมูกอย่างมีความสุขของ “เตี่ยผู้เป็นที่รักของครอบครัว” คุณพ่อชอบทำกับข้าว อร่อยทุกมื้อ

เรื่องเล่าเยือนเย็น
ตอน อยู่กับมะเร็งหลังโพรงจมูกอย่างมีความสุขของ “เตี่ยผู้เป็นที่รักของครอบครัว” คุณพ่อชอบทำกับข้าว อร่อยทุกมื้อ
 
เตี่ยอายุ 81ปี เป็นชาวบางปะหัน จ.อยุธยา เดิมแข็งแรงดีตลอด จนในเดือนตุลาคม 2567 เตี่ยมีอาการไม่สบายในจมูก จมูกบวม เพราะคิดว่าเป็นภูมิแพ้ ลูกสาวพาเตี่ยไปโรงพยาบาล คุณหมอที่คลีนิคเฉพาะทางนำเนื้อเยื่อไปตรวจพิสูจน์ ที่รพ.พระนครศรีอยุธยา และได้รับข่าวร้ายในเวลาต่อมาว่าเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูก Nasopharyngeal carcinoma ระยะ 3 -4 ได้มีการแพร่กระจายไปที่อื่นๆ บ้างแล้ว คุณหมอนำเสนอการรักษาด้วยการฉายรังสี หากรักษาต้องถอนฟัน ช่วงฉายรังสีจะต้องเดินทางไปมาระหว่างบ้านและโรงพยาบาลหลาย 30+ ครั้ง และเมื่อฉายรังสีแล้วก็จะเริ่มเจ็บคอจนกินข้าวไม่ได้ประมาณสองเดือน ครอบครัวจึงขอกลับไปหาข้อมูลก่อน
 
เตี่ยมีปมในชีวิตวัยเด็ก คือ เคยต้องอดข้าวบ่อยๆ เพราะตอนนั้นครอบครัวไม่มีเงิน เมื่อโตขึ้นเตี่ยจึงให้ความสำคัญกับการกินอาหาร กินให้อิ่มไว้ก่อน เราจึงโตมากับเชฟ ชื่อเตี่ย ทำอาหารรวดเร็ว และเอาใจลูกค้าแต่ละคน ปรุงชามต่อชามตามความชอบของลูก ๆ
 
เตี่ยมีลูก 3 คน พวกเรามีความทุกข์หนักใจ และพยายามหาข้อมูลในการตัดสินใจ ในระหว่างนั้นมีน้องที่รู้จักได้แนะนำเยือนเย็น จึงได้ติดต่อขอคำปรึกษา โดยเป็นครั้งแรกที่เราทำความเข้าใจกับการรักษาแบบประคับประคอง โดยคุณหมอและเจ้าหน้าที่เยือนเย็นมาเยี่ยมเตี่ยที่บ้าน ขอดูข้อมูลผู้ป่วยและสอบถามถึงความชอบความสุขของเตี่ย ซึ่งก็คือการได้อยู่บ้านกับครอบครัว กินอาหารอร่อย ทำอาหารให้ลูกๆ หลานๆ กิน คุณหมอสนับสนุนที่เตี่ยและครอบครัวเลือกอยู่กับมะเร็งอย่างสันติ ครอบครัวจึงโล่งใจที่ไม่ต้องเข้ากระบวนการรักษา ซึ่งจะทำให้เตี่ยขาดคุณภาพชีวิต เพราะจะกินไม่ได้ไปหลายเดือน
คุณหมอได้ให้คำแนะนำว่า ในการเลือกอยู่กับมะเร็งหลังโพรงจมูกนั้น บางทีอาจจะมีเลือดกำเดาออก มีน้ำมูกปนเลือดบ้าง อย่างตกใจ มันเป็นธรรมชาติ เตี่ยคงจะไม่ได้กลิ่น และอาจมีหูอื้อเพราะท่อระบายลมจากหูไม่ทำงาน ซึ่งเตี่ยรับได้ และเลือกที่จะอยู่กับสภาวะนี้ หากเมื่อใดมีอาการปวด ก็รีบแจ้งข่าวจะบำบัดให้หายปวดได้ จึงให้ยาที่อาจต้องใช้มาเก็บไว้ล่วงหน้า มะเร็งจะโตขึ้นเรื่อย ๆ ตามเวลา ถ้าเมื่อใดมะเร็งลุกลามผ่านฐานกะโหลกไป ก็จะเริ่มมีอาการทางระบบประสาท กว่าจะถึงจุดนี้คงอีกหลายเดือน เตี่ยรับฟังและยอมรับอาการที่จะเกิดขึ้นเหล่านี้ได้ เตี่ยมองว่าอายุมากแล้ว ไม่อยากเจ็บปวดทรมานจากรังสี เมื่อเป็นมะเร็งไม่ตกใจ รู้ว่าวันหนึ่งก็ต้องป่วย อยากอยู่บ้านสบาย ๆ
 
หลังจากคุณหมอและเจ้าหน้าที่กลับไป เตี่ยก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับลูกๆ ทำอาหารอร่อยให้ลูกๆ และคนในครอบครัวทาน เมนูเด็ดคือ แกงเนื้อ ทอดมัน แกงส้ม ต้มข่าไก่ นุ่นก็ได้ให้เตี่ยสอน และเรียนรู้สูตรทำอาหารต่างๆ ด้วย เตี่ยมีสุขภาพจิตใจที่ดี ไม่เคยมีความกังวลให้เห็น เตี่ยบอกว่าเตี่ยสบายดี และกินได้ ออกเที่ยวเล่นกับหลาน ร้านโปรดคือ แอบแซ่บ บาบีก้อน หมูกระทะริมคลอง ถั่วแปบตลาดนัด วค. เล้งแซ่บหน้าองค์การ รอบๆ บ้านอยุธยา เราได้มีเวลาร่วมกันมากมาย ถ่ายรูปถ่ายวิดีโอ เก็บภาพไว้ เตี่ยก็ใจสู้ไม่มีความกลัวให้ลูกๆ กังวล เยือนเย็นก็ติดต่อสอบถามเป็นระยะทางไลน์ เมื่อใดคุณหมอและทีมงานเดินทางผ่านมาแถวบ้านก็แวะมาให้กำลังใจเตี่ย มากินอาหารสูตรเด็ดของเตี่ย เตี่ยภูมิใจมาก
 
เหตุการณ์ปกติมาตลอดจนประมาณต้นปี 2568 เตี่ยก็เริ่มมีก้อนปูดๆ ที่คอ มีอาการคันแต่ไม่เจ็บ ปรึกษาคุณหมอทางไลน์ และได้รับยามาทาก็ดีขึ้น วันสงกรานต์ปีนี้ เราก็ใส่เสื้อทีมลายดอกสายงามเพื่อเก็บภาพไว้ ในใจก็คิดว่าคงเป็นสงกรานต์ปีสุดท้ายแน่ ๆ ในเดือนนั้น เตี่ยก็เริ่มมีอาการตาพร่าเห็นภาพซ้อน และต่อมาก็มีอาการเสียงหายอีก คาดว่าเกิดจากมะเร็งลุกลามเข้าสมองแล้ว
 
ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2568 เตี่ยเริ่มเบื่ออาหาร กินข้าวไม่ได้ หลังจากปรึกษาเยือนเย็นแล้ว ได้ติดต่อทีมงานประคับประคองโรงพยาบาลใกล้บ้าน มีเข้าโรงพยาบาลเพื่อให้สารอาหารน้ำเกลือบ้างระยะสั้น ๆ
 
สุดท้ายเตี่ยก็ทรุดลง และเข้าโรงพยาบาลอีกรอบเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 หลังจากผ่านไป 1-2 วัน เตี่ยมีอาการไม่ดีแล้ว หมอที่โรงพยาบาลถามว่าจะให้ใส่ท่อช่วยหายใจ หรือเข้า ICU ไหม เราตอบได้ทันทีว่าไม่ และให้เตี่ยอยู่ห้องพิเศษตามเดิม พวกเราก็ไปรวมตัวอยู่พร้อมหน้ากันในห้องนั้นเพื่อเป็นเพื่อนเตี่ยยามสุดท้ายของชีวิต เราได้เฝ้าดูอาการของเตี่ย พูดคุยกับเตี่ย ถึงแม้เตี่ยอาจจะไม่รับรู้อีกแล้ว จนเตี่ยจากไปในวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ซึ่งในวันนั้นเป็นวันเกิดของเตี่ย มีอายุครบ 81 ปีพอดี
 
ผลลัพธ์ของการตัดสินใจเลือกการรักษาแบบประคับประครอง คือใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างคุ้มค่า เตี่ยและพวกเรามีความสุข มีความอุ่นใจ เพราะมีเยือนเย็นเป็นที่ปรึกษา สามารถปรึกษาได้ตลอดเวลา ตั้งรับได้อย่างสบายใจ คุณหมอ และเจ้าหน้าที่เยือนเย็นมาเยี่ยมมาให้กำลังใจ ถึงวันที่จากกัน นุ่นและพี่น้องรู้สึกว่าไม่มีอะไรต้องเสียใจ เราใช้เวลาร่วมกันอย่างเต็มที่ สุดๆ ภาพจำของเรามีแต่ความสวยงาม
 
ขอบคุณเยือนเย็นที่อยู่ข้างๆ ไม่โดดเดี่ยวทั้งเตี่ยและพวกเรา พวกเราไม่มีน้ำตาเลยหลังจากกราบลาเตี่ย มันสมบูรณ์แบบมากๆ สำหรับการตัดสินใจครั้งนี้ และอยากให้เรื่องนี้เป็นข้อมูลสำหรับใครก็ตามที่อาจจะเผชิญสิ่งเดียวกันกับเรา อาจมีบางแง่มุมที่นำไปใช้ประโยชน์ได้ค่ะ
 
ทางเยือนเย็นขอขอบคุณครอบครัวเตี่ยที่อนุญาตให้นำเรื่องราวและภาพประทับใจมาลงเพจ เพื่อเผยแพร่เป็นวิทยาทานแก่ผู้อ่านได้ต่อไป