น้าอ้อ ไม่ยอมไปโรงพยาบาล
เรื่องเล่าจากเยือนเย็น
“น้าอ้อ ไม่ยอมไปโรงพยาบาล”
น้าอ้อ หรือคุณตาอ้อของหลานๆ อายุ 71 ปี เป็นคนแข็งแรง จนเมื่อต้นปี 2568 ตรวจร่างกายพบน้ำตาลสูง ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง หลังจากนั้นเริ่มอาการกลืนติด เวลากินข้าว ต้องกินน้ำตามด้วยมื้อละหนึ่งลิตร ต่อมาเริ่มกลืนน้ำไม่ได้ จึงไปโรงพยาบาล อยู่ โรงพยาบาล 14 วัน ทำการส่องกล้องทางปาก (EGD) พบก้อนในหลอดอาหารส่วนบน ทำการเจาะชิ้น พบว่าเป็นมะเร็งหลอดอาหาร คุณหมอใส่ท่อให้อาหารทางกระเพาะ (Gastrostomy tube) ให้อาหาร blendera เริ่มกินน้ำหวานได้ แนะนำให้ยาเคมีบำบัดและฉายรังสี แต่น้าอ้อไม่ต้องการรักษาต่อ จึงหลอกหมอและญาติ ว่ามีคดีสำคัญต้องทำ ให้พากลับบ้านแล้ว พอถึงบ้านแล้ว ก็ไม่ได้มีงานอะไรรออยู่ และไม่ยอมไปโรงพยาบาลอีก
น้าอ้อ เป็นคนโสด เป็นน้องคนสุดท้องในพี่น้อง 7 คน พักอาศัยอยู่กับพี่สาว ซึ่งติดเตียงมานานแล้ว จึงไม่อยากให้ที่บ้านมีคนติดเตียง ไม่อยากให้มีภาระมากขึ้นอีก น้าอ้อเคยทำงานราชการหลายแห่ง หลังจากนั้นเรียนต่อด้านกฎหมายแล้วเป็นทนายความ ตั้งแต่ 2530 มีสำนักงานเป็นของตนเอง ยังว่าความจนถึงปัจจุบัน หลานๆเล่าให้ฟังว่า น้าอ้อชอบคุยตลก มักมีเรื่องเล่า ขำขัน ในวงเหล้า ทำกับข้าวเก่ง โดยเฉพาะ ไข่พะโล้ ขาหมูหม้อยักษ์อร่อยมาก ทำอะไรก็จะต้องหม้อใหญ่เหมือนเลี้ยงกองทหารเสมอ แจกคนแถวบ้าน และทำขึ้นวัดเป็นประจำ ทำเลี้ยงหลาน ๆ และแขกที่มาเยี่ยมบ้านเสมอ ชอบกินไวน์แดงหวาน ๆ ฝาด ๆ ชอบร้องเพลง สุนทราภรณ์ ลูกกรุง คาราโอเกะ ได้ไปเที่ยวทั่วประเทศแล้ว เวลาว่าความต่างจังหวัด น้าอ้อเข้าใจในสัจธรรม และการดำเนินชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่ชอบพิธีกรรมมากมาย
เมื่อน้าอ้อไม่ยอมไปโรงพยาบาลอีก หลาน ๆ ไม่รู้จะดูแลอย่างไร น้าอ้อยังพอกินของเหลวได้บ้าง แม้หลอดอาหารจะอุดตัน น้าอ้อผอมลงมาก ไม่ค่อยมีกำลังแต่ยังพอเดินได้ ไม่มีอาการเจ็บปวดทรมาน จึงปรึกษาเยือนเย็นเพื่อสนับสนุนการดูแลที่บ้าน
ในวันที่เราไปเยี่ยมบ้าน ได้พบกับน้าอ้อและหลานทั้ง 5 คน น้าอ้อคุยเก่ง เล่าให้ฟังถึงปรัชญาพุทธอย่างยาว น้าอ้อมองว่าได้ใช้ชีวิตคุ้มแล้ว น้าอ้อไม่กลัวความตาย จึงไม่ประสงค์จะรักษาต่อ ขอเลือกอยู่กับมะเร็งอย่างสันติ เนื่องจากน้าอ้อเป็นคนชอบทำอาหาร และชอบกิน เราจึงสนับสนุนให้กินของอร่อย อย่างเช่นไวน์เย็น ๆ ไม่จำกัด เท่าที่กินได้ และอาหารอร่อยที่ปั่นเหลว อีกไม่นานหลอดอาหารอาจจะอุดตันโดยสมบูรณ์ เมื่อนั้นจะกลืนไม่ได้ แต่น้าอ้อก็ยังอาจจะอมของอร่อยในปากแล้วบ้วนทิ้งก็ได้ น้าอ้อดีใจที่ได้ฟังเช่นนั้น
เราคุยกันเรื่องอาหาร เราอธิบายน้าอ้อและหลาน ๆ ว่า เป็นมะเร็งแล้วอาหารไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญนัก ของอร่อยกินทางปาก ของที่คิดว่าดีก็ให้ทาง G-tube ก็ได้ แต่พึงทราบว่า น้าอ้อกินอะไรเข้า มะเร็งก็ได้ด้วย จึงไม่ต้องพยายามให้อาหารดี ให้กินของอร่อยย่อมได้ความสุขทันที กินได้เท่าไรก็จะผอมเพราะมะเร็งจะแย่งอาหารเราตลอดเวลา มะเร็งหลอดอาหารไม่น่าจะทำให้เจ็บปวด แต่ถ้าหากมีอาการเจ็บปวดเมื่อไร เราจะบำบัดให้หายปวดได้เสมอ
น้าอ้อออกจาก รพ. หัวเฉียว กลับมานอนอยู่บ้านได้ รวม11วัน วันแรกที่กลับมาบ้าน ขอเข้าห้องน้ำ ให้หลานชายจัดการ อาบน้ำอย่างที่อยากทำ ร่างกายสดชื่น แล้วมานอนมองบ้านอย่างมีความสุข เรียกหลานๆ แจกงานเรื่องพิธีการงานศพ ของตัวเอง บอกว่าไม่ต้องพาไปไหนทั้งนั้น ไม่ไป รพ. ไม่ไปอยู่ศูนย์ จะขอนอนตายที่นี่ ขอตายที่บ้านเท่านั้น หลานเล่าว่า ตอนที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล หลานบอกให้ทำตามหมอที่โรงพยาบาลบอกทุกอย่าง จะขอทานอะไรก็ไม่ให้ น้าอ้อว่างั้นตายดีกว่า อยู่รพ. ก็ห้าม อยู่บ้านก็ไม่ได้กิน เมื่อได้คุยกับทางเยือนเย็น จึงเริ่มให้ทานได้ทุกอย่าง เธอถูกใจมาก ถามว่าจริงเหรอ ทานได้เหรอ หลังจากนั้นเรียกร้องทานนั่น ทานนี่ ทั้งวัน พอทานไป ทำหน้าชื่นใจมาก บอกว่า อืม…ได้กลืนแล้ว ตายไปก็ไม่เสียดาย
หลังจากเราพบกันแล้ว น้าอ้อได้กินกาแฟเย็น ไอติม และของหวาน ตามชอบ ไม่มีใครขัดอีก วันหนึ่งมีแขกมาเยี่ยม ทำเป็นนอนนิ่ง นอนหลับลึกไม่ตอบสนอง ทำให้หลานตกใจว่า ทรุดไวจัง ไม่ติงไหว เพื่อนๆ ที่มางงว่าไม่ตื่นสักที ทั้งเขย่า ทั้งเรียกอยู่นาน ทำนิ่งเหมือนถอดใจไปอเมริกา แต่หลังจากแขกกลับไปแล้ว น้าอ้อก็ตื่น และพูดได้เหมือนเดิม เรียกขอทานน้ำ หิวน้ำตั้งนาน สอบถามได้ความว่า คนที่มาเยี่ยมนี้น้าอ้อไม่อยากคุยด้วย เลยแกล้งหลับ
วันต่อมา หลานแจ้งว่าน้าอ้อมีบ่นปวดท้องด้านซ้าย เราจึงเริ่มให้มอร์ฟีนระงับปวด ต่อมาอาหารที่ใส่ทาง G-tube เริ่มไม่ย่อย เราจึงให้งดอาหารไป และเปลี่ยนยาแก้ปวดเป็นชนิดแผ่นแปะเฟนตานิล น้าอ้อหายปวด นอนสงบสบายได้ ก่อนเสียชีวิต 3 วันเริ่ม น้าอ้อนอนนิ่งจนคืนสุดท้าย เราเช็ดตัว ทำความสะอาดให้ น้าอ้อลืมตามอง มีน้ำตาไหล แล้วแกก็นอนนิ่งเหมือนทำสมาธิ เราเปิดเพลงบรรเลงกล่อมนอนมาตลอด จนวันท้ายๆ กลางคืนจะเปิดให้ฟังบทสวดมนต์ก่อนนอน เหมือนน้าอ้อนอนทำสมาธิ ไปเรื่อย ๆ ไม่มีอาการเจ็บปวดทรมาน จนรุ่งเช้าของวันใหม่ น้าอ้อจากไปอย่างสงบ สะอาด หมดความกังวลใดๆ
หลานน้าอ้อกล่าวว่า “เมื่อแกจากไปแล้ว ชอบมีคนถามว่าทำไมแกไปเร็ว เอายาอะไรให้ทาน ตัวเค้าเป็นมะเร็งก่อนน้าอ้อตั้งนาน เค้าเจ็บปวดทรมานมาก เค้าไม่อยากอยู่ ก็บอกเค้าว่า ไม่มีหมอคนไหนให้ยาคนไข้เพื่อจากไปเร็ว มีแต่รักษาให้อยู่ แต่ของน้าอ้อ แกเลือกทางนี้แล้ว อยู่กับปัจจุบัน และลมหายใจ น้าอ้อนอนทำสมาธิ…จนจากไปอย่างสงบ เพราะเราได้รับคำแนะนำ และการดูแลทุกอย่างจากโครงการเยือนเย็นนั่นเอง”
น้าอ้อ ได้ใช้เวลาอย่างมีคุณภาพกับหลาน ๆ ผู้เป็นที่รักอย่างเต็มที่ แม้จะเป็นช่วงสั้น แต่เป็นช่วงที่เปี่ยมด้วยความสุข ขอขอบคุณครอบครัวที่อนุญาตให้แบ่งปันเรื่องราวดี ๆ กับผู้อ่านทุกท่าน







