เรื่องของพ่อ (อีกตอน) ทำไมต้องจากกันด้วยน้ำตาเล่า....
เรื่องของพ่อ (อีกตอน) ทำไมต้องจากกันด้วยน้ำตาเล่า….
แววโชคดีที่ไม่ใช่แค่มีเวลาเตรียมใจกับการจากไปของพ่อตั้งแต่พ่อป่วย แต่แววเตรียมใจกับทุกการจากไปมานานแล้ว… ด้วยมรณานุสติ
สัจธรรมป่ะล่ะ ความตายถูกขายมาคู่กับความเกิด… รึใครจะเถียง แต่มนุษย์เรานั้นพยายามที่จะหลบเลี่ยง ปฏิเสธที่จะพูดถึงมันต่างหากก็ด้วยหลายข้ออ้าง
ก่อนพ่อจากไปที่ 10.32 น ของวันนี้ เกือบ 20 ชั่วโมงก่อนหน้าแววอยู่ข้างกายพ่อไม่ไปไหน จับมือเค้าแล้วพาเค้าอยู่กับบทสวดมนต์ พุทโธ สลับกับการสร้างจินตนาการให้จิตเดินไปสู่หนทางแห่งกุศล อันมีพระพุทธรูป พระอริยสงฆ์ มีจีวรพระ เป็นต้น
พยายามพาพ่อเข้าสู่ทางบุญอยู่เกือบยี่สิบชั่วโมง กระซิบย้ำเรื่องหนทางบุญอยู่ข้างหูจนคิดว่าพ่อคงบอกว่า “รำคาญอินี่จัง กูรีบตายดีกว่า 555”
ทางกาย_เรามีทีมแพทย์พยาบาลมืออาชีพจาก เยือนเย็น วิสาหกิจเพื่อสังคม เพื่อ “การตายอย่างสงบที่บ้าน” ไม่ว่าจะเป็นโรคใดก็ตาม คุณหมอและคุณพยาบาลจะเช็กสภาวะของร่างกายและวิเคราะห์ให้เราทราบอย่างต่อเนื่อง แบบว่า 24 ชั่วโมง contact
คำถามที่เราถามคุณหมอบ่อยๆคือ เค้าจะรู้สึกเจ็บไหม ทรมานรึเปล่า… และคำตอบก็เป็นที่น่าพอใจ ถ้าเค้าน่าจะทรมานคุณหมอคุณพยาบาลจะบอกหนทางปรับแก้ให้
พ่อได้รับความทรมานทางกายน้อยมากอันเนื่องมาจากการไม่แทรกแซงธรรมชาติด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ ไร้ท่อ ไร้สาย สไตล์ตายแบบโคตรธรรมชาติ
ถ้าไปที่รพ พ่อจะไม่มีโอกาสได้ตายโดยเห็นรอยยิ้มแบบนี้แน่นวล
ทางใจ_ทางพุทธศาสนาเราเชื่อกันว่าจิตก่อนตายนั้นสำคัญมาก เราจึงต้องทำจิตก่อนตายของเรา หรือของผู้ป่วยให้สดใส ณ ช่วงเวลานั้นให้ได้ รอยยิ้มของคนรอบกายที่เค้ารักจึงเป็นสิ่งสำคัญลำดับต้นๆ
และรอยยิ้มนั้นหาได้เป็นการฝืนไม่ แต่มันมาจากการที่เรา “ยอมรับ” ความเจ็บและความตายนั้นได้ว่ามันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเป็นเรื่องธรรมดา
และการหมดไปซึ่งความเจ็บ โดยการตายมันก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่ควรให้รางวัลเป็นรอยยิ้มมิใช่หรือ
และเมื่อเราทำทุกอย่างให้ถึงพร้อม ทำให้ดีที่สุดจนเมื่อถามตัวเองว่าทำได้ดีกว่านี้ไหม และคำตอบคือ “ไม่” มันก็ไม่มีอะไรน่ากังวลอีกต่อไปแล้ว
ธรรมะของพระพุทธเจ้ามีค่ายิ่งนัก มากกว่าสิ่งใดๆในโลกใบนี้ ควรค่าแก่การศึกษาและเรียนรู้เป็นที่สุด