ดูแลคุณแม่ให้จากไปอย่างสงบ ตามความต้องการของคุณแม่ และปลดล๊อคความกังวลในใจของครอบครัว

เรื่องเล่าเยือนเย็น จากครอบครัวหนึ่งที่ให้เยือนเย็นได้ดูแล “คุณแม่”
เล่าเรื่องราวโดย “คุณลูก”
ขอกล่าวคำว่า ”ขอบคุณ“ จากหัวใจอีกครั้งนะคะ ที่ได้ช่วยดูแลคุณแม่ให้จากไปอย่างสงบ ตามความต้องการของคุณแม่ และปลดล๊อคความกังวลในใจของครอบครัว
คุณแม่ได้เดินทางไกลแล้ว ดิฉันขออนุญาตแชร์เรื่องราวดีๆ ในสิ่งที่พวกเราประทับใจในทุกเรื่องของเยือนเย็น ผ่าน FB นะคะ
เยือนเย็น วิสาหกิจเพื่อสังคม
ก่อนจะมีเรื่องเล่าและเล่าเรื่อง ดิฉันและครอบครัว ต้องขอขอบพระคุณ อาจารย์หมออิศรางค์ นุชประยูร ผู้อำนวยการ เยือนเย็น วิสาหกิจเพื่อสังคม และทีมงานทุกท่าน ที่ทำให้การเล่าเรื่องของคุณแม่ ผ่านเพจของ เยือนเย็น วิสาหกิจเพื่อสังคม ได้ผ่านสายตาทุกท่าน
คุณแม่ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ เกือบ 5 ปี ดิฉันและครอบครัวตัดสินใจว่า
เราจะดูแลคุณแม่กันเองที่บ้าน
3 ปีแรก คุณแม่ยังพอจำอะไรได้แบบรางเลือน ช่วยเหลือตัวเองได้ดี พวกเราเข้า-ออก โรงพยาบาลทุกเดือน เพราะคุณหมอปรับยาคุณแม่ทุกเดือน
จนเข้าปีที่ 4 อาการสมองคุณแม่ติดลบ จำเรื่องราวตัวเอง และลูก ๆ ไม่ได้เลย ยกเว้นความจำสมัยเด็ก และวัยเริ่มต้นทำงานเป็นพยาบาลวิชาชีพ
พวกเราใช้เวลาทั้งหมดของชีวิตดูแลประคับประคองคุณแม่ให้มีความสุขกายสุขใจ และพูดกับแม่ตลอดว่า “คุณแม่ปลอดภัย และหลับได้อย่างมีความสุขในบ้านหลังนี้”
เยือนเย็นฯ ได้มาดูแลและช่วยเหลือในช่วงท้ายชีวิตของคุณแม่ เนื่องจากคุณหมอทางสมองและคุณหมออายุรกรรม ตัดสินใจหยุดยาคุณแม่ทั้งหมด เพราะคุณแม่ ไม่สามารถกลืนทั้งน้ำ และอาหารได้
ณ เวลานั้น พวกเรารู้สึกทุกข์ใจมาก เพราะคุณหมอทั้งสองท่านมีแนวทางให้ครอบครัวเลือกต่างกัน คือ ท่านนึงแนะนำว่า การไม่ทำหัตถการทางการแพทย์ใด ๆ จะทำให้ท่านจากไปอย่างสงบ ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณแม่ขอไว้นานมากแล้วว่า ไม่ปั๊มป์หัวใจ ไม่เจาะหรือใส่สายอาหาร ส่วนคุณหมออีกท่านแนะนำให้คุณแม่รักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยใส่สายให้อาหารเพื่อให้คุณแม่สามารถทานยา ทานอาหารได้
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ทำให้เราเครียด ร้องไห้กันทุกวันว่า ถ้าเราตัดสินใจผิดจะเกิดอะไรขึ้น มันคงติดอยู่ในใจพวกเราไม่มีวันสิ้นสุด
และคำตอบสุดท้ายของพวกเราคือ ติดต่อไปที่เยือนเย็น เพื่อให้คุณแม่มีเวลาช่วงสุดท้ายของชีวิต อย่างมีความสุข
ทีมงานเยือนเย็นได้เข้ามาที่บ้าน ทำการดูแลคุณแม่ และได้พูดคุยกับพวกเราหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นดิฉันบอกว่ามันทรมานมากที่ตัดสินใจไม่พาคุณแม่ไปโรงพยาบาล ทีมงานได้อธิบายและทำให้พวกเราปลดล๊อคความหนักอึ้งในหัวใจ ปลดล๊อกความรู้สึกผิดได้ว่า การเลือกดูแลคุณแม่แบบประคับประคองที่บ้านเป็นสิ่งที่ดีมาก และให้กำลังใจพวกเราว่า “พี่ ๆ ดูแลคุณแม่อย่างดี และดีมากแล้วค่ะ คุณแม่ไม่เจ็บปวดหรือทรมานใด ๆ
“ ด้วยคำพูดนี้ ทำให้พวกเราถึงกับเสียน้ำตาอีกครั้ง เพราะนั่นคือคำพูดที่ให้กำลังใจอย่างดีในวันที่เราอ่อนแอที่สุดแล้วค่ะ
และในวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 คุณแม่ได้จากไปอย่างสงบท่ามกลางลูก หลาน และลูกเขย ที่อยู่กันพร้อมหน้า คุณแม่ได้จากไปท่ามกลางคนที่แม่รักและรักแม่ และเราทุกคนได้กอดและกราบคุณแม่พร้อมกับกระซิบข้างหูคุณแม่ก่อนหมดลมหายใจว่า “แม่เหนื่อยแล้ว พักผ่อนให้สบายนะ”
สุดท้ายของการเล่าเรื่อง ดิฉันและครอบครัวขอขอบพระคุณ อาจารย์หมออิศรางค์ และทีมงาน ได้มาที่บ้าน และอยู่กับพวกเราในวันที่แม่จากไปอย่างสงบ ขอบคุณทีมงานทุกท่านอีกครั้ง ที่ดูแลคุณแม่เป็นอย่างดีตลอด 24 ชั่วโมงค่ะ
ดิฉันและครอบครัว ขอโอบกอดและส่งกำลังใจให้ทุกท่านที่กำลังหมดกำลังใจ ให้ก้าวผ่านอุปสรรค และใช้เวลาอย่างมีความสุขในทุก ๆ วันค่ะ
ขอบคุณที่อ่านเรื่องของ“แม่“
ครอบครัวจอมพันธุ์ต๊ะ
เยือนเย็นฯ ขอขอบขอบคุณครอบครัวจอมพันธุ์ต๊ะ ที่มอบความไว้วางใจให้อาจารย์หมออิศรางค์ นุชประยูร
และทีมงาน ได้ดูแล “คุณแม่” บุคคลอันเป็นที่รัก และขอเป็นกำลังใจให้ครอบครัวในช่วงวาระท้ายของชีวิตของคุณแม่ ” ที่บ้าน”