“ปู่มีหนังสือแสดงเจตนาฯ แล้วนะ” คุณปู่อายุ 96 ปี คุณปู่เป็นข้าราชการที่มือสะอาด ไม่คดโกง มีแต่ให้ มีชีวิตที่มีความสุข

“ปู่มีหนังสือแสดงเจตนาฯ แล้วนะ” คุณปู่อายุ 96 ปี คุณปู่เป็นข้าราชการที่มือสะอาด ไม่คดโกง มีแต่ให้ มีชีวิตที่มีความสุข

น้าอ้อ ไม่ยอมไปโรงพยาบาล
เรื่องเล่าจากเยือนเย็นฯ
“ปู่มีหนังสือแสดงเจตนาฯ แล้วนะ”
 
คุณปู่อายุ 96 ปี คุณปู่เป็นข้าราชการที่มือสะอาด ไม่คดโกง มีแต่ให้ มีชีวิตที่มีความสุข ไม่ทุกข์ในสิ่งใดนาน เวลาลูกหลานมาเยี่ยม จะชอบคุย ชอบพูดตลก/ขำๆ เฮฮา ชอบดูฟุตบอล และกีฬา ชอบอ่านหนังสือ และตัดเก็บข่าว เมื่อคุณปู่อายุ 50 ปี คุณปู่มีอาการไทรอยด์เป็นพิษ ได้รับการผ่าตัดแล้วกินยาไทรอยด์เสริม ต่อมาก็มีความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดหัวใจร่วมด้วย เมื่ออายุประมาณ 90 ปี พบว่าเริ่มเป็นโรคพาร์กินสัน และปีที่ผ่านมาในอายุ 96 ปี เริ่มมีอาการประสาทหลอน เห็นภาพโน่นนี่ที่คนอื่นไม่เห็น จนต้องกินยาจิตเวชช่วยบำบัด
เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ขณะนั่งรับประทานอาหารกับครอบครัว ช้อนที่คุณปู่ถืออยู่ตกจากมือ และนิ่งไป ญาติจึงนำส่งโรงพยาบาล ตรวจพบว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือด (ischemic stroke) ให้การรักษาโดยฉีดยาละลายลิ่มเลือด นอนโรงพยาบาล 9 วัน ออกจากโรงพยาบาลมาพักต่อที่บ้าน ยังคงเคลื่อนไหวเดินได้ดีไม่อ่อนแรง
 
เดือนต่อมา คุณปู่มีอาการลิ้นเข็ง พูดไม่รู้เรื่อง พูดเรื่องคดีความเก่าๆ ตลอดเวลา เห็นภาพหลอน หวาดระแวง ตัวกระตุกเกร็ง ครอบครัวพาไปตรวจ แล้วนอนอยู่โรงพยาบาล 1 เดือน มีบางช่วงมีอาการเหนื่อย เสมหะมาก แพทย์เสนอจะให้เจาะคอ แต่ครอบครัวปฏิเสธ มองว่าคุณปู่อายุเยอะแล้ว และพูดเสมอว่า “ปู่มีหนังสือแสดงเจตนา ฯ แล้วนะ” แพทย์จึงให้มอร์ฟีนช่วยลดอาการเหนื่อยลง รักษาจนออกจากโรงพยาบาลกลับมาบ้าน แต่เริ่มนอนติดเตียงมากขึ้น
ถึงแม้ว่าคุณปู่เป็นโรคสมองหลายอย่างจากความชราภาพแล้ว คุณปู่มีความสุขที่ได้อยู่กับครอบครัวที่บ้าน และลูกหลานที่มาเยี่ยมเยือน คุณปู่จะภูมิใจกับการได้สร้างโครงการบันไดทางขึ้นเขาทะลุจนสำเร็จ และบ้านหลังปัจจุบันก็สร้างด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองเมื่อปี 2519 ด้วยความภาคภูมิใจ คุณย่าบอกว่าคุณปู่ไม่น่าจะกลัวอะไรทั้งนั้น เพราะเตรียมไว้หมดแล้ว ทำพินัยกรรมแล้ว ไม่มีห่วงอะไร อยากนอนหลับสบายๆ ได้จัดเตรียมจัดสรรทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้วด้วยตนเอง
 
ด้วยคุณปู่เป็นนักกฎหมายที่มีความละเอียดรอบคอบอย่างเฉียบแหลม คุณปู่ได้เป็นผู้จัดพิมพ์หนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์รับการรักษาพยาบาลเพื่อยืดการตายโดยไม่จำเป็น ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยตนเอง ลงชื่อตั้งแต่สามปีก่อน (ดูรูป) แม้ทำหนังสือแสดงเจตนา ฯ แล้ว คุณปู่ยังคงพูดอยู่เสมอว่า ประสงค์ no tube/tracheostomy, no CPR และต้องการเสียชีวิตที่บ้าน ไม่ผ่าตัด ไม่ใส่ NG และถ้ามีติดเชื้อขอรับยาเป็นยาฆ่าเชื้อชนิดกินทางปากเท่านั้น
หลังออกจากโรงพยาบาลได้ประมาณ 1 สัปดาห์ คุณปู่เริ่มมีอาการซึมลง ไม่ค่อยพูด ไม่ถามหาเรื่องคดีแล้ว นอนทั้งวัน แต่ดูเหมือนไม่สบายตัว มีหายใจเหนื่อยบ้าง คุณย่ารู้สึกไม่สบายใจบ้าง แต่ก็คิดว่าดีกว่าเกร็ง กระตุก หรือตวาด/อาละวาด ทางครอบครัวได้พิจารณาร่วมกันแล้วว่า ตั้งใจเคารพเจตนารมณ์ของคุณปู่ที่จะไม่ไปโรงพยาบาล เพราะไม่คาดหวังว่าจะกลับมาเหมือนเดิม และขณะที่ต้องไปโรงพยาบาลมีความแออัด และทำให้ติดเชื้อได้ง่าย จึงปรึกษาเยือนเย็น วิสาหกิจเพื่อสังคมเพื่อสนับสนุนการดูแลที่บ้าน
 
ทีมแพทย์ พยาบาลจากเยือนเย็นฯ เข้าตรวจเยี่ยมแล้วพบว่า คุณปู่หายใจแรง มีเสมหะ น่าจะติดเชื้อในปอด แต่สามารถบำบัดที่บ้านให้หายเหนื่อยได้ จึงเริ่มให้กินมอร์ฟีน ส่งตรวจเพาะเชื้อเสมหะและให้ยาปฏิชีวนะที่บ้าน อาการหายใจเหนื่อยสงบลง ต่อมาการหายใจเปลี่ยนเป็นแรงบ้างเบาบ้าง เรียกว่า การหายใจแบบ เชน-สโต้ค เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติของโรคสมองซึ่งทำให้คุณปู่หลับ ไม่ตอบสนอง มิได้เหนื่อยหรือรับรู้ความทรมาน ไม่ต้องให้ยาแล้ว และเห็นพ้องต้องกันว่าให้คุณปู่ได้พักผ่อนที่บ้านเพื่อความสุขกายสบายใจ เราได้แจ้งและทำเอกสารเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกหลานเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ เพื่อมาอำลาคุณปู่ได้ และเฝ้าดูแลในช่วงท้ายกันตลอด 24 ชั่วโมง
 
สามวันต่อมา ผู้ดูแลบอกว่าคุณปู่แรงน้อยลงพลิกตะแคงเองไม่ได้ แต่การหายใจยังคงสงบดี ดูแลความสะอาดร่างกาย เช็ดตัว และช่องปาก รวมทั้งสวนขับถ่ายทุก 3 วัน
 
9 วันหลังจากที่เยือนเย็นฯ ร่วมดูแลคุณปู่ พร้อมด้วยครอบครัวลูกหลานที่น่ารักและอบอุ่น ในช่วงเช้าคุณปู่เริ่มมีอาการหายใจทางปาก ความดันเริ่มลดลง เป็นธรรมชาติในช่วงท้ายของชีวิต ธรรมชาติจะบำบัดให้คุณปู่ไม่เจ็บปวดทรมาน เวลาประมาณ 2 ทุ่มในวันนั้น คุณปู่ได้เดินทางสู่ธรรมชาติอย่างสงบสุขที่บ้านตามเจตนารมณ์ของคุณปู่อย่างงดงาม
 
ในนามเยือนเย็นฯ ขอกราบขอบคุณครอบครัวคุณปู่ที่อนุญาตให้นำเรื่องราวและรูปภาพมาลงในเพจของเยือนเย็นฯ เพื่อเป็นวิทยาทานต่อสาธารณชนทั่วไป
Sharing