กรณีศึกษาจากท่านโอภาส
การดูแลระยะท้ายที่บ้าน : กรณีศึกษาจากท่านโอภาส
โดย ศ.นพ.อิศรางค์ นุชประยูร
คุณพ่ออายุ 88 ปีแล้ว เดิมร่างกายแข็งแรงดี เดินได้เอง ช่วยเหลือตัวเองได้ดี กระทั่งเมื่อต้นช่วงเดือน ก.พ.2565 คุณพ่อเดินพลาดหกล้มที่บ้าน พบว่าใบหน้าฟาดกับขอบประตูมีบาดแผลแตก ลูกจึงพาไปโรงพยาบาล ตรวจพบว่าสาเหตุที่เดินล้มนี้เป็น เพราะ Parkinson’s disease จึงมีอาการเกร็ง นอกจากบาดแผลใหญ่ที่ใบหน้าแล้วยังพบแผลแตกที่ศีรษะ และซี่โครงร้าว ระหว่างอยู่โรงพยาบาล เกิดมีภาวะหัวใจล้มเหลวจนช็อค (cardiogenic shock) เกิดจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน จึงย้ายเข้าห้อง ICU ใส่เครื่องช่วยหายใจ ใส่ stent หลอดเลือดหัวใจ หลังจากนั้นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจนานหลายสัปดาห์ ถอดท่อออกไม่สำเร็จ จึงต้องทำการเจาะคอ (1/3/65) ใส่ tracheostomy ในที่สุดถอดเครื่องช่วยหายใจออกได้ แต่ทำให้คุณพ่อต้องนอนติดเตียง ให้อาหารทางสายยาง (NG) และใช้เครื่องช่วยหายใจแบบ BiPAP ตลอด และย้ายมาพักวอร์ดผู้ป่วยสูงอายุต่อ
คุณพ่ออยากกลับบ้าน :-
ระหว่างอยู่โรงพยาบาล ทางครอบครัวมีโอกาสเข้าเยี่ยมได้น้อยมาก ปกติคุณพ่อไม่เคยค้างแรมนอกบ้าน และน่าจะไม่สบายตัวจากอุปกรณ์ต่าง ๆ ในช่วงที่อยู่ไอซียู และวอร์ดผู้ป่วยนั้นไม่รู้วันคืน คุณพ่อมักเอามือคลำสายอุปกรณ์ต่างๆ คล้ายจะดึงออกหลายครั้ง จนผู้ดูแลต้องสวมถุงมือให้ คุณพ่อแสดงความประสงค์หลายครั้งว่าอยากกลับบ้าน แต่ก็มีเหตุติดเชื้อปัสสาวะ และปอดอักเสบแทรกซ้อนอีกหลายรอบ ให้ยาปฏิชีวนะหลายครั้ง อาจารย์ลูกน้ำบุตรสาวจึงได้เตรียมการปรับปรุงห้องพักในบ้านให้พร้อมดูแลคุณพ่อที่บ้าน และติดต่อเยือนเย็น วิสาหกิจเพื่อสังคมเพื่อวางแผนการดูแลเมื่ออยู่ที่บ้าน หลังจากที่รักษาอยู่โรงพยาบาลเกือบสี่เดือน จนในที่สุดหยุดใช้เครื่อง BiPAP ได้ เมื่อคุณพ่อได้ดูภาพผ่านวิดีโอคอลว่าห้องที่บ้านพร้อมแล้ว คุณพ่อก็พยายามพูดออกมาทั้งที่มีท่อหลอดคอว่า “กลับบ้าน” ก่อนกลับบ้าน” ในเดือน พ.ค. 65 มีการทำ CT scan พบก้อนในตับ และตรวจเลือดพบว่าค่า CA19-9 & CEA สูงขึ้น ทางครอบครัวพิจารณาร่วมกันแล้วว่า แม้เป็นก้อนมะเร็งจริงก็ไม่รักษาด้วยเคมีบำบัดใดๆทั้งสิ้น เนื่องด้วยอายุสังขารไม่น่าจะทนไหว จึงเลือกไม่ตรวจมะเร็งเพิ่มเติม และเตรียมการกลับบ้านได้สำเร็จในเดือนมิ.ย. 65 โดยเริ่มปรึกษาเยือนเย็นฯ เพื่อสนับสนุนการดูแลช่วงท้ายที่บ้าน ครอบครัวมีความชัดเจนว่า คุณพ่อไม่กลัวตาย และไม่อยากเจ็บปวดทรมานจากความพยายามในรักษาอีกต่อไป
ทำบ้านให้เป็นโรงพยาบาล :-
คืนแรกที่คุณพ่อได้กลับมานอนที่บ้านแสนรัก ซึ่งคุณพ่อใช้เวลาอยู่กับคุณแม่อย่างสมถะมาตลอดชีวิต ทั้งสองท่านได้สื่อสารด้วยแววตาเข้าใจและอบอุ่น อาจารย์ลูกน้ำได้เตรียมบ้านให้พร้อมดูแลคุณพ่อ เปรียบดั่งมีโรงพยาบาลมาไว้ที่บ้าน มีอุปกรณ์ช่วยเพิ่มออกซิเจน เครื่องดูดเสมหะ ผู้ดูแลทั้งกลางวันกลางคืน ติดกล้องโทรทัศน์วงจรปิดไว้สังเกตการณ์ ต่างจากโรงพยาบาลตรงที่ครอบครัวสามารถเยี่ยมได้ตลอดเวลา และทีมแพทย์ของเยือนเย็นฯ สามารถติดตามอาการทางไลน์กลุ่มได้ตลอดเวลา ถ้าด่วนก็โทรศัพท์คุยกัน และมาเยี่ยมบ้านได้ทุกเวลา คุณพ่อได้ฟังเพลงโปรดที่ท่านชอบ สลับบทสวดมนต์ เสียงจากธรรมชาติ ให้ฟังได้ทั้งวันทั้งคืน หลังจากกลับมาที่บ้านแล้วหนึ่งเดืนเต็มๆ คุณพ่อดูมีความสุข ได้นอนพักในตอนกลางคืน ตื่นเป็นเวลาจากแสงธรรมชาติ งีบพักระหว่างวัน ได้รับอาหารตามมื้อ เมื่อตื่นลืมตาและตอบสนองได้มากขึ้น สดชื่นได้พบหน้าคุณแม่และลูกทุกวัน คุณแม่ก็ได้เจอและสัมผัสคุณพ่อตัวจริงไม่ต้องผ่านวิดีโอคอล เสมหะที่เคยมีมากก็ลดลง ไม่ต้องเจ็บตัวจากการเจาะเลือดให้น้ำเกลืออีกต่อไป ปรับอาหารทางสายยางได้ตามใจชอบและเหมาะสม
โซเดียมสูง ก็รักษาที่บ้านได้ :-
สองสัปดาห์แรกที่บ้านผ่านไปด้วยดี อาการติดเชื้อที่เคยเป็นก็หายไป แม้ความดันโลหิตต่ำลงเรื่อย ๆ แต่คุณพ่อนอนสงบสบาย แขนที่เคยเกร็งก็ลดลง เราจึงทำการเจาะเลือดที่บ้านแล้วส่งตรวจห้องปฏิบัติการ พบว่าโซเดียมในเลือดสูงขึ้นมากและภาวะไตวาย มีของเสียคั่งในเลือดทำให้ระบบประสาททำงานน้อยลง ในภาวะเช่นนี้หากจะเลือกกลับเข้าไปแก้ไขในโรงพยาบาลอีกก็ได้ แต่คงต้องโดนอุปกรณ์การรักษาเยอะ เช่น อาจจะพิจารณาล้างไต คุณพ่อสื่อสารรับรู้โดยการยักคิ้วปฏิเสธไม่ไปโรงพยาบาล เราจึงทำการรักษาที่บ้านทันทีโดยให้ยาขับปัสสาวะ และปรับงดอาหารให้แต่น้ำ และตวงน้ำเข้าออกให้สมดุลกัน หากไม่สำเร็จก็จะเสียชีวิตอย่างสงบ ครอบครัวเลือกที่จะเคารพความประสงค์ของคุณพ่อ ดูแลที่บ้านต่อไป โดยเราจะประเมินผลการรักษาโดยตรวจเลือดที่บ้านทุกสองวัน
ตลอดเวลาช่วงสัปดาห์ท้ายนี้คุณพ่อนอนสงบ สบายตลอดเวลาที่เราปรับอาหาร และให้ยาขับปัสสาวะ โซเดียมลดลงอย่างช้า ๆ การทำงานของไตกลับมาดีขึ้น เวลาผ่านไปสิบวัน ค่าสารน้ำและค่าไตกลับมาเป็นปกติ คุณพ่อเริ่มลืมตาได้ กล้ามเนื้อเริ่มกลับมาเกร็งเช่นเดิม ตรวจร่างกายพบว่า มีก้อนในท้องใหญ่ขึ้น คงเป็นต้นเหตุจากก้อนมะเร็งในตับ ร่างกายคุณพ่อผอมลงมาก ส่วนหนึ่งก็เพราะต้องงดอาหารปรับโซเดียม และอีกส่วนหนึ่งก็เพราะมะเร็งแย่งอาหารจากร่างกายตลอดเวลา แต่แววตาสงบผ่อนคลาย
วันสุดท้ายและการจากไปอย่างสงบ :-
วันนั้น content ของเหลวในกระเพาะเป็นสีดำ อาการเช่นนี้บ่งว่ามีเลือดออกในกระเพาะอาหาร ซึ่งภาวะนี้จะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยคนใดเมื่อไรก็ได้ บางครั้งก็หยุดเอง บางครั้งก็ไม่หยุดและเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงงดอาหารอีก และผู้ดูแลช่วยระบายของเหลวตกค้างนี้ออกจากกระเพาะผ่านสาย NG ในกลางดึกของคืนนั้นคุณพ่ออาเจียนของเหลวนี้ออกมาเอง แล้วร่างกายหยุดทำงานอย่างรวดเร็ว ทางครอบครัวจึงดูแลทางจิตวิญญาณ เปิดเสียงสวดมนต์นำจิตท่านสู่สุคติอย่างสงบท่ามกลางความอบอุ่นของครอบครัว
ขอขอบคุณครอบครัวท่านโอภาส อาจารย์ลูกน้ำที่อนุญาตให้เผยแพร่ข้อมูล และรูปภาพเพื่อเป็นประโยชน์แก่สาธาณะชนต่อไป